http://www.pralanna.com/shoppage.php?shopid=349879
วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
พระผงสุพรรณอู่ทอง จงอางศึก เนื้อดำหลังเจดีย์ปี2510
พระผงสุพรรณ อู่ทอง จงอางศึก เนื้อดำ หลังเจดีย์ สร้างปี 2510 อู่ทองจงอางศึก พระดี ๆ อายุพระกว่า 50 ปี ปลุกเสกโดยเกจิอาจารย์ ดังๆ เช่น หลวงพ่อมุ่ยหลวงพ่อถิร หลวงปู่โพธิ์ หลวงปู่โต๊ะ ฯลฯวัตถุประสงค์เพื่อนำไปแจกทหาร และตำรวจในช่วงสงครามอินโดจีน ซึ่งเป็นที่มาของ กองทหาร ที่ถูกขนานนามจาก พวก เวียดกง ว่าทหารผี เพราะยิงไม่ตายนั่นเอง เหมาะสำหรับท่านที่ต้องทำงานเสี่ยงภัย เดินทางตลอดเช่น ตำรวจ ทหารผู้ขับรถเป็นประจำ ข้อมูลการสร้างพระผงสุพรรณ อู่ทอง จงอางศึก 28 กุมภาพันธ์ 2510 คณะรัฐมนตรี อนุมัติหลักการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่รัฐบาลสาธารณรัฐเวียดนาม โดยให้กองทัพบกจัดส่งหน่วยกำลังรบทางพื้นดินไปปฏิบัติการรบ กองทัพบกจึงจัดตั้งหน่วยรบเฉพาะกิจขึ้นในรูป กรมทหารอาสาสมัคร (กรมอสส.)ส่งไปร่วมรบกับชาติพันธมิตร ในประเทศเวียดนามเป็นหน่วยทหารภายใต้รหัสจงอางศึก หรือเข้าร่วมสังกัด ในกองพันที่ 9 ของกองกำลังสหรัฐ ของค่ายแบร์แคต 13 พฤษภาคม 2510 หลวงปู่โพธิ์ เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรีได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก สร้าง พระอู่ทองออกศึก แจกแก่ทหาร รุ่นจงอางศึกนี้โดยเฉพาะโดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์ชื่อดังมานั่งปรกปลุกเสกจำนวน 69 รูป อาทิเช่น หลวงปู่โพธิ์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ, หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อแต้มวัดพระลอย หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมเป็นต้น มวลสารเป็นเนื้อดินใช้ชิ้นส่วนพระชำรุดแตกหักจากกรุต่างๆมาเป็นส่วนผสมหลักเช่น พระผงสุพรรณ กรุวัดพระธาตุ,พระกรุวัดพระรูป, พระกรุวัดลำปะซิว, พระกรุวัดบ้านกร่าง, พระกรุถ้ำเสือ, พระกรุวัดบางยี่หนและพระเนื้อดินชำรุด แตกหักของพระเกจิอาจารย์ต่างๆอีกจำนวนมาก พุทธลักษณะคล้ายพระผงสุพรรณ แต่เป็นพระปางสมาธิ ด้านหลังเป็น รูปองค์พระปรางค์อันเป็นสัญลักษณ์ประจำวัดและเป็นสถานที่พบพระผงสุพรรณ พระรุ่นนี้มีประสบการณ์ด้านอิทธิปาฏิหาริย์มากมายในสงครามเวียดนามทหารไทยรุ่นจงอางศึกนี้ให้ความเชื่อมั่นในพุทธ คุณเป็นอันมาก ไม่ว่าจะโดนยิงโดนแทงหรือโดนระเบิด ต่างก็รอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชได้อย่างอัศจรรย์จนเป็นหน่วยทหารที่ได้รับคำยกย่องอย่างมากในสมรภูมิมีสีดำและแดง

http://www.pralanna.com/shoppage.php?shopid=349879
http://www.pralanna.com/shoppage.php?shopid=349879
พระผงสุพรรณ วัดพระธาตุพิหารแดง
เสถียร ท้วมจันทร์
พระผงสุพรรณ เป็นหนึ่ง ในพระเครื่องชุดเบญจภาคี ประกอบด้วย 1.พระสมเด็จนางพญา วัดระฆังฯ 2.พระผงสุพรรณ 3.พระสมเด็จนางพญา พิษณุโลก 4.พระทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร และ 5.พระรอด ลำพูน
พระผงสุพรรณ มีจุดกำเนิดอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี วัดเก่าแก่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณภูมิ มีอายุมากกว่า 600 ปี ตั้งอยู่ถนนสมภารคง ต.รั้วใหญ่ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี
ชาวบ้านเรียกว่าวัดพระธาตุพิหารแดง
นอกจากเป็นวัดเก่าแก่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรีอีกด้วย
ภายในวัดมีวิหารขนาดใหญ่ ซึ่งประดิษฐานพระ ผงสุพรรณจำลององค์ใหญ่ ไว้ให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้บูชา และยังมีรูปปั้น หลวงพ่อโพธิ์ ญาณรังสี พระเกจิชื่อดังเมืองสุพรรณ
สำหรับตำนานความเป็นมาของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตามบันทึกของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ที่แปลเอกสารจากใบลานเงินใบลานทอง ซึ่งขุดพบจากพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
ระบุว่า พระบรมมหาจักรพรรดิเจ้า กษัตริย์ครองกรุง อโยธยา โปรดเกล้าฯ ให้ทรงสร้างพระสถูปองค์นี้ขึ้น และทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ภายใน หลังจากนั้นพระสถูปของพระองค์ชำรุด พระโอรสได้โปรดให้ปฏิสังขรณ์พระสถูปนี้
แต่มีบางตำนานระบุว่า ผู้ที่สร้างวัดพระ ศรีรัตนมหาธาตุ และพระสถูปที่บรรจุพระผงสุพรรณ คือ พระเจ้าสามพระยา บ้างก็ว่าเป็นสมเด็จพระบรมปฐมกษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยา คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทอง โดยสร้างขึ้นขณะที่พระองค์ได้ย้ายกรุงราชธานีมาที่กรุงศรีอยุธยา
จากจารึกใบลานเงิน-ใบลานทอง ได้จารึกไว้ว่า ผู้ที่สร้างพระผงสุพรรณคือ พระฤๅษีผู้ทรงฤทธิ์ โดยมีฤๅษีผู้เป็นใหญ่เป็นประธานคือ พระมหาเถรปิยทัสสี ศรีสารีบุตร และได้กดลายนิ้วมือของท่านไว้ในองค์พระที่มีลายนิ้วมือทั้งหมด รวมทั้งพระผงสุพรรณ
ในปีพ.ศ.2456 ชาวจีนที่อาศัยอยู่ข้าง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลักลอบขุดองค์ พระปรางค์ได้ขนเครื่องทองโบราณนำออกมาขาย และขุดพบพระเครื่อง รวมถึงใบลานเงินใบลานทอง
ภายหลัง เจ้าพระยาสุนทรบุรี (อี้ กรรณสูต) เจ้าเมืองสุพรรณบุรี เห็นว่าถ้าหากปล่อยไว้สมบัติของชาติจะสูญหายไป จึงสั่งให้เปิดกรุ พบเครื่องทอง พระพุทธรูปบูชา พระพิมพ์ (พระเครื่อง) มีทั้งเนื้อชิน ทั้งเนื้อดิน ซึ่งพระที่มีชื่อเสียงที่ขุดค้นพบในพระปรางค์ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ คือ พระผงสุพรรณ พระมเหศวร พระสุพรรณ
เจ้าพระยาสุนทรบุรีนำพระพิมพ์ต่างๆ ทั้งเนื้อดิน เนื้อโลหะ มารวมไว้ที่จวน
จนกระทั่งในปีนั้น พระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสดอนเจดีย์ เจ้าพระยาสุนทรบุรีก็ไปเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ และทูลเกล้าฯ ถวายพระผงที่ได้มาในครั้งนั้นส่วนหนึ่ง ท่านได้พระราชทานให้กับเหล่า ข้าราชบริพารที่ตามไปในครั้งนั้น ซึ่งมีทั้งกอง ลูกเสือป่า ทหาร ตำรวจที่ตามเสด็จ
ต่อมาเริ่มมีการสะสมพระผงสุพรรณ เพราะถือเป็นพระน้ำเอกของจังหวัดสุพรรณ บุรี ทำให้มีการเช่าหามีราคาเพิ่มขึ้น จนกระทั่ง ทุกวันนี้องค์ละหลายล้านบาท
ชมเมือง-พักผ่อน-อิ่มอร่อย
สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองสุพรรณ บุรี เริ่มที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุพรรณบุรี ตั้งอยู่ริมถนนสายสุพรรณฯ-ชัยนาท บริเวณศูนย์ราชการใหม่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองสุพรรณ ตั้งแต่สมัยยุคหินเดินทางผ่านกาลเวลาจนถึงปัจจุบัน มีทั้งรูปภาพ งานปั้น จนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ตื่นตาและความเพลิดเพลิน สอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์โทร. 0-3553-5330, 0-3553-6100-1
นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์) ซึ่ง ตั้งอยู่ในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องแวะเวียนไปเที่ยวชม เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ โทร. 0-3522-6211
สำหรับที่พักในตัวเมืองสุพรรณบุรี มีโรงแรม วาสิฏฐี ซิตี้โฮเทล เบอร์โทร. 0-3552-6111, 0-3552-6123
โรงแรมคุ้มสุพรรณ เบอร์โทร. 0-3552-2273-6
โรงแรมสองพันบุรี เบอร์โทร. 0-3552-2555-7, 0-3554-6667-71 โทรสาร 0-3552-2097
รีสอร์ทจุรีปันสุข เบอร์โทร. 0-3552-6115
ส่วนร้านอาหารขึ้นชื่อของ เมืองสุพรรณ มี ร้านกุ่ยหมง ตั้งอยู่ข้างที่ว่าการอำเภอบางปลาม้า โทร. 0-3558-7256, 08-9515-1302
ร้านแม่บ๊วย อยู่ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอบางปลาม้า โทร.0-3558-6424, 0-3558-7077
ร้านน้องแตน ซึ่งอยู่เส้นทางเดียวกับวัด พระศรีรัตนมหาธาตุ เบอร์โทร. 0-3552-2680
ส่องพระผงสุพรรณ
ลักษณะ 3 พิมพ์
นายพิศาล เตชะวิภาค หรือ เซียนต้อย เมืองนนท์ ให้รายละเอียดไว้ในการอบรมวิธีการส่องพระผงสุพรรณ จัดโดยมติชน อคาเดมี ถึง พระผงสุพรรณ 1 ในพระเครื่องชุดเบญจภาคี ว่า เป็นพระเนื้อดิน สร้างจากเกสรร้อยแปด ผสมกับดินที่กรองละเอียด นำมาคลุกเคล้า แล้วนำมากดพิมพ์ นำไปเผาก็ทำให้เกิดสีทั้งหมด 4 สี คือ สีแดง สีเหลือง หรือสีพิกุล สีเขียว และสีดำ
มี 3 พิมพ์ คือ พิมพ์หน้าแก่ พิมพ์หน้ากลาง และพิมพ์หน้าหนุ่ม
พิมพ์หน้าหนุ่ม
1.ปลายยอดเหนือเกศจะพับเข้า
2.ลูกตาขวากลม ลูกตาซ้ายยาว
3.คิ้วขวาโค้งงอน คิ้วซ้ายเฉียงชี้
4.ริมฝีปากหนา
5.หูซ้ายขวาเท่ากัน
6.อกล่ำนูนแต่เล็กกว่าพิมพ์หน้าแก่และ พิมพ์หน้ากลาง
7.ไหล่แคบ แขนอวบล่ำ ซอกแขนลึก
8.มือด้านซ้ายที่วางไว้ที่หน้าตักใหญ่กว่าของพิมพ์หน้าแก่และพิมพ์หน้ากลาง
9.ใต้เท้าซ้ายติดเป็นปื้นนูนขึ้นมา
พิมพ์หน้าแก่
1.จะตัดขอบเป็นรูปห้าเหลี่ยมก็มี สามเหลี่ยม ก็มี ด้านข้างจะมีรอยตอกตัด
2.ลูกตาด้านขวาเล็กกว่าด้านซ้าย คิ้วขวาโค้งงอน
3.ในซอกข้างหูด้านซ้ายจะมีผดขึ้น
4.หูด้านขวายาวกว่าหูด้านซ้าย
5.หน้าอกนูนใหญ่
6.ข้อพับศอกทั้งซ้ายและขวา
7.ข้อมือซ้ายเหมือนขาด ไม่ติดต่อกัน
8.ปลายนิ้วเท้าขวากระดก
9.ใต้ขาด้านซ้ายองค์พระ จะมีตุ่มเม็ดหนึ่ง
10.ยอดเกศจะเป็นรอยหยักควั่นสองขยัก
พิมพ์หน้ากลาง
1.ตาและคิ้ววางวาดเสมอกัน คิ้วโก่งทั้งสองข้าง ตาจะไม่เท่ากัน จมูกบานใหญ่
2.หูซ้ายยาวกว่าหูขวา ในหูด้านซ้ายและขวาจะมีผดอยู่เล็กน้อย
3.หัวไหล่ด้านขวาจะมีติ่งหรือขีดอยู่ข้างไหล่
4.ข้อพับแขนด้านซ้ายต่ำลงมากว่าข้อพับแขนด้านขวา
5.ปลายนิ้วมือยาวเกือบจรดท้องแขน
6.เห็นนิ้วมือโป้งด้านขวาชัด
7.ปลายนิ้วโป้งเท้าด้านขวาจะนูนชัด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056UTBOakkxTUE9PQ==
พระผงสุพรรณ เป็นหนึ่ง ในพระเครื่องชุดเบญจภาคี ประกอบด้วย 1.พระสมเด็จนางพญา วัดระฆังฯ 2.พระผงสุพรรณ 3.พระสมเด็จนางพญา พิษณุโลก 4.พระทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร และ 5.พระรอด ลำพูน
พระผงสุพรรณ มีจุดกำเนิดอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี วัดเก่าแก่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณภูมิ มีอายุมากกว่า 600 ปี ตั้งอยู่ถนนสมภารคง ต.รั้วใหญ่ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี
ชาวบ้านเรียกว่าวัดพระธาตุพิหารแดง
นอกจากเป็นวัดเก่าแก่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรีอีกด้วย
ภายในวัดมีวิหารขนาดใหญ่ ซึ่งประดิษฐานพระ ผงสุพรรณจำลององค์ใหญ่ ไว้ให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้บูชา และยังมีรูปปั้น หลวงพ่อโพธิ์ ญาณรังสี พระเกจิชื่อดังเมืองสุพรรณ
สำหรับตำนานความเป็นมาของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตามบันทึกของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ที่แปลเอกสารจากใบลานเงินใบลานทอง ซึ่งขุดพบจากพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
ระบุว่า พระบรมมหาจักรพรรดิเจ้า กษัตริย์ครองกรุง อโยธยา โปรดเกล้าฯ ให้ทรงสร้างพระสถูปองค์นี้ขึ้น และทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ภายใน หลังจากนั้นพระสถูปของพระองค์ชำรุด พระโอรสได้โปรดให้ปฏิสังขรณ์พระสถูปนี้
แต่มีบางตำนานระบุว่า ผู้ที่สร้างวัดพระ ศรีรัตนมหาธาตุ และพระสถูปที่บรรจุพระผงสุพรรณ คือ พระเจ้าสามพระยา บ้างก็ว่าเป็นสมเด็จพระบรมปฐมกษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยา คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทอง โดยสร้างขึ้นขณะที่พระองค์ได้ย้ายกรุงราชธานีมาที่กรุงศรีอยุธยา
จากจารึกใบลานเงิน-ใบลานทอง ได้จารึกไว้ว่า ผู้ที่สร้างพระผงสุพรรณคือ พระฤๅษีผู้ทรงฤทธิ์ โดยมีฤๅษีผู้เป็นใหญ่เป็นประธานคือ พระมหาเถรปิยทัสสี ศรีสารีบุตร และได้กดลายนิ้วมือของท่านไว้ในองค์พระที่มีลายนิ้วมือทั้งหมด รวมทั้งพระผงสุพรรณ
ในปีพ.ศ.2456 ชาวจีนที่อาศัยอยู่ข้าง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลักลอบขุดองค์ พระปรางค์ได้ขนเครื่องทองโบราณนำออกมาขาย และขุดพบพระเครื่อง รวมถึงใบลานเงินใบลานทอง
ภายหลัง เจ้าพระยาสุนทรบุรี (อี้ กรรณสูต) เจ้าเมืองสุพรรณบุรี เห็นว่าถ้าหากปล่อยไว้สมบัติของชาติจะสูญหายไป จึงสั่งให้เปิดกรุ พบเครื่องทอง พระพุทธรูปบูชา พระพิมพ์ (พระเครื่อง) มีทั้งเนื้อชิน ทั้งเนื้อดิน ซึ่งพระที่มีชื่อเสียงที่ขุดค้นพบในพระปรางค์ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ คือ พระผงสุพรรณ พระมเหศวร พระสุพรรณ
เจ้าพระยาสุนทรบุรีนำพระพิมพ์ต่างๆ ทั้งเนื้อดิน เนื้อโลหะ มารวมไว้ที่จวน
จนกระทั่งในปีนั้น พระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสดอนเจดีย์ เจ้าพระยาสุนทรบุรีก็ไปเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ และทูลเกล้าฯ ถวายพระผงที่ได้มาในครั้งนั้นส่วนหนึ่ง ท่านได้พระราชทานให้กับเหล่า ข้าราชบริพารที่ตามไปในครั้งนั้น ซึ่งมีทั้งกอง ลูกเสือป่า ทหาร ตำรวจที่ตามเสด็จ
ต่อมาเริ่มมีการสะสมพระผงสุพรรณ เพราะถือเป็นพระน้ำเอกของจังหวัดสุพรรณ บุรี ทำให้มีการเช่าหามีราคาเพิ่มขึ้น จนกระทั่ง ทุกวันนี้องค์ละหลายล้านบาท
ชมเมือง-พักผ่อน-อิ่มอร่อย
สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองสุพรรณ บุรี เริ่มที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุพรรณบุรี ตั้งอยู่ริมถนนสายสุพรรณฯ-ชัยนาท บริเวณศูนย์ราชการใหม่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองสุพรรณ ตั้งแต่สมัยยุคหินเดินทางผ่านกาลเวลาจนถึงปัจจุบัน มีทั้งรูปภาพ งานปั้น จนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ตื่นตาและความเพลิดเพลิน สอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์โทร. 0-3553-5330, 0-3553-6100-1
นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์) ซึ่ง ตั้งอยู่ในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องแวะเวียนไปเที่ยวชม เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ โทร. 0-3522-6211
สำหรับที่พักในตัวเมืองสุพรรณบุรี มีโรงแรม วาสิฏฐี ซิตี้โฮเทล เบอร์โทร. 0-3552-6111, 0-3552-6123
โรงแรมคุ้มสุพรรณ เบอร์โทร. 0-3552-2273-6
โรงแรมสองพันบุรี เบอร์โทร. 0-3552-2555-7, 0-3554-6667-71 โทรสาร 0-3552-2097
รีสอร์ทจุรีปันสุข เบอร์โทร. 0-3552-6115
ส่วนร้านอาหารขึ้นชื่อของ เมืองสุพรรณ มี ร้านกุ่ยหมง ตั้งอยู่ข้างที่ว่าการอำเภอบางปลาม้า โทร. 0-3558-7256, 08-9515-1302
ร้านแม่บ๊วย อยู่ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอบางปลาม้า โทร.0-3558-6424, 0-3558-7077
ร้านน้องแตน ซึ่งอยู่เส้นทางเดียวกับวัด พระศรีรัตนมหาธาตุ เบอร์โทร. 0-3552-2680
ส่องพระผงสุพรรณ
ลักษณะ 3 พิมพ์
นายพิศาล เตชะวิภาค หรือ เซียนต้อย เมืองนนท์ ให้รายละเอียดไว้ในการอบรมวิธีการส่องพระผงสุพรรณ จัดโดยมติชน อคาเดมี ถึง พระผงสุพรรณ 1 ในพระเครื่องชุดเบญจภาคี ว่า เป็นพระเนื้อดิน สร้างจากเกสรร้อยแปด ผสมกับดินที่กรองละเอียด นำมาคลุกเคล้า แล้วนำมากดพิมพ์ นำไปเผาก็ทำให้เกิดสีทั้งหมด 4 สี คือ สีแดง สีเหลือง หรือสีพิกุล สีเขียว และสีดำ
มี 3 พิมพ์ คือ พิมพ์หน้าแก่ พิมพ์หน้ากลาง และพิมพ์หน้าหนุ่ม
พิมพ์หน้าหนุ่ม
1.ปลายยอดเหนือเกศจะพับเข้า
2.ลูกตาขวากลม ลูกตาซ้ายยาว
3.คิ้วขวาโค้งงอน คิ้วซ้ายเฉียงชี้
4.ริมฝีปากหนา
5.หูซ้ายขวาเท่ากัน
6.อกล่ำนูนแต่เล็กกว่าพิมพ์หน้าแก่และ พิมพ์หน้ากลาง
7.ไหล่แคบ แขนอวบล่ำ ซอกแขนลึก
8.มือด้านซ้ายที่วางไว้ที่หน้าตักใหญ่กว่าของพิมพ์หน้าแก่และพิมพ์หน้ากลาง
9.ใต้เท้าซ้ายติดเป็นปื้นนูนขึ้นมา
พิมพ์หน้าแก่
1.จะตัดขอบเป็นรูปห้าเหลี่ยมก็มี สามเหลี่ยม ก็มี ด้านข้างจะมีรอยตอกตัด
2.ลูกตาด้านขวาเล็กกว่าด้านซ้าย คิ้วขวาโค้งงอน
3.ในซอกข้างหูด้านซ้ายจะมีผดขึ้น
4.หูด้านขวายาวกว่าหูด้านซ้าย
5.หน้าอกนูนใหญ่
6.ข้อพับศอกทั้งซ้ายและขวา
7.ข้อมือซ้ายเหมือนขาด ไม่ติดต่อกัน
8.ปลายนิ้วเท้าขวากระดก
9.ใต้ขาด้านซ้ายองค์พระ จะมีตุ่มเม็ดหนึ่ง
10.ยอดเกศจะเป็นรอยหยักควั่นสองขยัก
พิมพ์หน้ากลาง
1.ตาและคิ้ววางวาดเสมอกัน คิ้วโก่งทั้งสองข้าง ตาจะไม่เท่ากัน จมูกบานใหญ่
2.หูซ้ายยาวกว่าหูขวา ในหูด้านซ้ายและขวาจะมีผดอยู่เล็กน้อย
3.หัวไหล่ด้านขวาจะมีติ่งหรือขีดอยู่ข้างไหล่
4.ข้อพับแขนด้านซ้ายต่ำลงมากว่าข้อพับแขนด้านขวา
5.ปลายนิ้วมือยาวเกือบจรดท้องแขน
6.เห็นนิ้วมือโป้งด้านขวาชัด
7.ปลายนิ้วโป้งเท้าด้านขวาจะนูนชัด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056UTBOakkxTUE9PQ==
พระผงสุพรรณ
พระผงสุพรรณ ด้านหลังจะมีรอยพับ ให้ชม 3 องค์ ปล่อยแค่องค์เดียว เก็บไว้บูชา 2 องค์
หลัก 17 ประการ ในการพิจารณาพระผงสุพรรณ
1. 1.1 รูปทรงสามเหลี่ยม 1.2 รูปสี่เหลี่ยม. 1.3 รูปห้าเหลี่ยม
2. ดินในการสร้างพระผงสุพรรณมีว่านส่วนผสม/มวลสารบังคับเป็นการสร้างโดยฤาษีมีสูตรที่ตรงกันกับพระสกุลลำพูนเช่นเดียวกับพระรอด พระคง
3. แร่ดอกมะขาม มักจะปรากฏในกรณี ดินดิบ ( เผาไม่สุก หรือดินศิลาธิคุณ )
4. ด้านหลังพระผง จะมีรอยพับเข้ามา
ประเภทของเนื้อพระ
5. วรรณสีของพระผงสุพรรณ สีเขียว สีดำ สีใบลานแห้ง สีดอกพิกุล สีดอกพิกุลแห้งสีเขียว สีน้ำตาล
6. ร่องศรขอบพระผง มักจะปรากฏร่องศรด้านข้างองค์ พระแสดงความเหี่ยวย่นของเนื้อพระแสดงถึงอายุพระที่มีการหดตัวของมวลสารในองค์พระว่าด้วยทฤษฏี
7. ว่านหลุด แร่หลุด ในกรณีพระที่อยู่ในความชื้นใต้ดิน เนื้อพระจะเป็นรูพรุนเป็นจุดหนึ่งในการพิจารณาพระแท้ทำให้ทราบอายุพระโครงสร้างทางโมเลกุลเริ่มเสื่อมสลายทางวิทยาศาสตร์
8. รอยตอกคัดด้านข้างพระผงมีลาย ลักษณะ ตัดแบบเฉลียง
9. โซนเนื้อหยาบ/ละเอียดกว่าว่าน การแบ่งโซนเนื้อพระผงสุพรรณแบ่งออกเป็น 2 โซนเนื้อ คือ
9.1 โซนเนื้อหยาบ จากการสันนิษฐานเนื้อหยาบเป็นการสร้างยุคแรก
9.2 โซนเนื้อละเอียด จากการสันนิษฐานเป็นการสร้างยุคที่ 2
10. สิ่งแวดล้อมที่พบ ส่วนที่มีความชื้น ไม่มีความชื้นน้อยพระผงสุพรรณที่อยู่ในระดับความชื้นสูงใกล้ระดับน้ำใต้ดินแร่ ธาตูในดินกัดผิวพระทำให้เกิดรูพรุน พระชนิดนี้เนื้อพระจะด้านและสากมือ ส่วนพระที่ค้นพบในระดับดินชั้นบนเนื้อพระจะสวยมีความแห้ง สัมผัสด้วยมือผิวพระจะเกิดความมันวาว เกิดแผ่นฟิล์มบนผิวพระ
11. ไข่ปลาในร่องลายมือ
12. แผ่นฟิล์มที่ปรากฏบนผิวพระเมื่อสัมผัสด้วยมือและปัดด้วยพู่กันหูวัว
13. คราบรารัก/ลงรักปิดทอง
14. มวลสารบังคับที่พบแร่ดอกมะขาม
15. ยุคของการสร้างจากวัตถุ พยานที่พบเนื้อหยาบแกแร่ดอกมะขามสันนิษฐานสร้างยุดแรกเหตุผลพระเนื้อพระนี้ไปตรงกับเนื้อพระลำพูน ซึ่งฤาษีเป็นผู้สร้างเช่นเดียวกัน ตรงกับในแผ่นลานทอง ส่วนเนื้อละเอียดแก่ว่านสันนิษฐานสร้างยุคที่ 2
16. คราบกรุดินนวล/แคลเซียม
17. โซนเนื้อพระผงสุพรรณแก่ว่าน แก่แร่ดอกมะขาม
http://www.velamall.com/classifieds/view.php?id=10060610
หลัก 17 ประการ ในการพิจารณาพระผงสุพรรณ
1. 1.1 รูปทรงสามเหลี่ยม 1.2 รูปสี่เหลี่ยม. 1.3 รูปห้าเหลี่ยม
2. ดินในการสร้างพระผงสุพรรณมีว่านส่วนผสม/มวลสารบังคับเป็นการสร้างโดยฤาษีมีสูตรที่ตรงกันกับพระสกุลลำพูนเช่นเดียวกับพระรอด พระคง
3. แร่ดอกมะขาม มักจะปรากฏในกรณี ดินดิบ ( เผาไม่สุก หรือดินศิลาธิคุณ )
4. ด้านหลังพระผง จะมีรอยพับเข้ามา
ประเภทของเนื้อพระ
5. วรรณสีของพระผงสุพรรณ สีเขียว สีดำ สีใบลานแห้ง สีดอกพิกุล สีดอกพิกุลแห้งสีเขียว สีน้ำตาล
6. ร่องศรขอบพระผง มักจะปรากฏร่องศรด้านข้างองค์ พระแสดงความเหี่ยวย่นของเนื้อพระแสดงถึงอายุพระที่มีการหดตัวของมวลสารในองค์พระว่าด้วยทฤษฏี
7. ว่านหลุด แร่หลุด ในกรณีพระที่อยู่ในความชื้นใต้ดิน เนื้อพระจะเป็นรูพรุนเป็นจุดหนึ่งในการพิจารณาพระแท้ทำให้ทราบอายุพระโครงสร้างทางโมเลกุลเริ่มเสื่อมสลายทางวิทยาศาสตร์
8. รอยตอกคัดด้านข้างพระผงมีลาย ลักษณะ ตัดแบบเฉลียง
9. โซนเนื้อหยาบ/ละเอียดกว่าว่าน การแบ่งโซนเนื้อพระผงสุพรรณแบ่งออกเป็น 2 โซนเนื้อ คือ
9.1 โซนเนื้อหยาบ จากการสันนิษฐานเนื้อหยาบเป็นการสร้างยุคแรก
9.2 โซนเนื้อละเอียด จากการสันนิษฐานเป็นการสร้างยุคที่ 2
10. สิ่งแวดล้อมที่พบ ส่วนที่มีความชื้น ไม่มีความชื้นน้อยพระผงสุพรรณที่อยู่ในระดับความชื้นสูงใกล้ระดับน้ำใต้ดินแร่ ธาตูในดินกัดผิวพระทำให้เกิดรูพรุน พระชนิดนี้เนื้อพระจะด้านและสากมือ ส่วนพระที่ค้นพบในระดับดินชั้นบนเนื้อพระจะสวยมีความแห้ง สัมผัสด้วยมือผิวพระจะเกิดความมันวาว เกิดแผ่นฟิล์มบนผิวพระ
11. ไข่ปลาในร่องลายมือ
12. แผ่นฟิล์มที่ปรากฏบนผิวพระเมื่อสัมผัสด้วยมือและปัดด้วยพู่กันหูวัว
13. คราบรารัก/ลงรักปิดทอง
14. มวลสารบังคับที่พบแร่ดอกมะขาม
15. ยุคของการสร้างจากวัตถุ พยานที่พบเนื้อหยาบแกแร่ดอกมะขามสันนิษฐานสร้างยุดแรกเหตุผลพระเนื้อพระนี้ไปตรงกับเนื้อพระลำพูน ซึ่งฤาษีเป็นผู้สร้างเช่นเดียวกัน ตรงกับในแผ่นลานทอง ส่วนเนื้อละเอียดแก่ว่านสันนิษฐานสร้างยุคที่ 2
16. คราบกรุดินนวล/แคลเซียม
17. โซนเนื้อพระผงสุพรรณแก่ว่าน แก่แร่ดอกมะขาม
http://www.velamall.com/classifieds/view.php?id=10060610
พระผงสุพรรณ
พระผงสุพรรณ ผู้สร้าง สันนิฐานว่าเป็นกษัตริย์ในราชวงค์ สุพรรณภูมิ น่าจะเป็นสมเด็จ พระบรมราชาธิราช ที่ 2 ประมาณ พ.ศ. 2091 ในจารึกแผ่นทองที่พบที่เจดีย์ใหญ่วัดพระ ศรีรัตนมหาธาตุ ระบุว่าได้มีพระบรมราชโองการสั่งให้พระฤาษีพิมพิลาไลย์ เป็นประธานในการสร้าง ต่อมาในปี 2456 ในสมัย รัชกาลที่ 6 มีคนลอบขุดกรุนี้ได้สมบัติไปไม่น้อยรวมถึง จารึกแผ่นทองอีกจำนวนมาก
พระสุนทรบุรี (อี้ กรรณสูต) เจ้าเมืองสุพรรณบุรีขณะนั้นได้สั่งให้เปิดกรุอย่างเป็นทางการ และนำพระพิมพ์และจารึกแผ่นทองที่เหลือจำนานหนึ่งทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระผงสุพรรณเป็นพระเนื้อดินละเอียดผสมว่าน108 เนื้อหนึกนุ่มมีคราบน้ำว่านและรารัก พิมพ์ทรงเป็นศิลป์อู่ทอง องค์พระปางมารวิชัยประทับบนฐานเขียง พระก้มเล็กน้อยพระอุระนูนเด่น แลดูเหมือนการบำเพ็ญสมาธิ เคร่งขรึม
พุทธคุณ เน้นด้านเมตตาบารมี การเป็นผู้นำน่าเกรงขาม การมีโชค ความมีเสน่ห์ ขจัดทุกข์ความสงบหนักแน่น
พุทธคุณ เน้นด้านเมตตาบารมี การเป็นผู้นำน่าเกรงขาม การมีโชค ความมีเสน่ห์ ขจัดทุกข์ความสงบหนักแน่น
http://tey15.wordpress.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93/
พระผงสุพรรณ
พระผงสุพรรณ พระผงสุพรรณเป็นพระที่กำเนิดในจังหวัดสุพรรณบุรี พบในองค์พระปรางค์ ซึ่งเป็นพระประธานของวัดพระศรีมหาธาตุ ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี มีจารึกลานทองแจ้งว่าสร้างในสมัยอู่ทอง
ตำราในแผ่นทองวัดพระธาตุเมืองสุพรรณบุรี ที่พระยาสุนทรสงคราม (อี้ กรรณสูตร) ผู้ว่าราชการเมืองสุพรรณบุรี ค้นพบในกรุพระปรางค์วัดพระธาตุ และกรุถูกเปิดเป็นทางการ เมื่อปี พ.ศ. 2456 ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งสำรวจขุดค้น แล้วอนุรักษ์ของที่มีค่ากับวัตถุ โบราณไว้ในปีเดียวกันนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จประพาสดอนเจดีย์ สมเด็จกรมพระยาดำรงนุภาพได้ตามเสด็จไปด้วยที่วัดร้างเมืองสุพรรณบุรี เมื่อปีพุทธศักราช 2456 (ในแผ่นทองอักษรขอมโบราณแปลออกดังนี้)
การสร้างขยายถนน และการสร้างถนนข้างวัดพระศรีมหาธาตุ และการขุดท่อระบายน้ำบริเวณหน้าวัด ทำให้ช่างโยธาได้พบพระผงสุพรรณจำนวนมาก ซึ่งบรรจุในหม้อดินเผาโบราณ จากการเปิดเผยของช่างแจ๊ค และปลัดอาวุโส อำเภอ สองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี จากความเป็นจริงอดีตเจ้าอาวาสคนเก่าได้ให้ข้อคิดว่าจะมีพระเจดีย์ใหญ่น้อยล้อมรอบพระปรางค์ (เจดีย์องค์ใหญ่ ) องค์ ใหญ่ ประมาณ 40-50 องค์ ดังนั้น การขุดสร้างถนนด้านข้างวัด จึงเขาเขต เจดีย์ ใหญ่เล็กที่ล้อมรอบองค์พระธาตุอยู่ จึงค้นพระผงสุพรรณแท้ เป็นจำนวนมาก
พระผงสุพรรณที่ค้นพบส่วนใหญ่จะมีลายมือด้านหลังพระใหญ่มวลสาร ใกล้เคียงพระรอดพระคงวัดมหาวัน จากกมวลสารการสร้าพระผงสุพพรณน่าจะเป็นการสร้างยุคแรกยุคที่พระฤษีสร้างเพราะเป็นสูตรการสร้างพระเนื้อดินของพระฤษี ที่มีดินศิลาธิคุณ เป็นหลักในการสร้าง
http://puttapornamulet.blogspot.com/p/blog-page_9673.html
พระผงสุพรรณหลวงพ่อดี วัดพระรูป สุพรรณบุรี รุ่นแรก 2513
ประวัติหลวงพ่อดีวัดพระรูป นามเดิมชื่อนายดี นามสกุล สีขำศุข เกิด 7 ตุลาคม 2454 ปีชวด 15 ค่ำเดือน 11 สถานที่เกิด 151 หมู่ 1 ต.ไผ่ขวาง อ.เมือง จ. สุพรรณบุรี ชื่อนายปั้น นางหลุ่น สีขำศุข มีพี่น้อง 5 คน อุปสมบท อายุ 23 ปี วันที่25 เมษายน 2477 ณ วัดไชนาวาส โดยมีหลวงพ่อท้วม เป็นอุปชา นามฉายา จตฺตมาโล มรณะ18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 18.00น. อายุ 96 ปี 73 พรรษา พระราชทานเพลิงศพ วันที่ 16 มีนาคม 2551วัตถุมงคลและปาฏิหารว่างๆจะนำมาเล่าให้ฟังนะครับ
หลวงพ่อดีท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านได้เข้าไปในพระอุโบสถและตั่งสัตย์ปฏิญาณว่า "ลูกไม่มีเงินที่จะพัฒนาวัด และเกินกำลังเหลือเกินจะขอสร้างวัตถุมงคลเพื่อหารายได้เข้าวัดขอให้วัตถุมงคลนี้มีเมตตา บารมี และศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ผู้ที่มาเช่านำไปใช้เกิดศิริมงคล ลูกขอทำวัตถุมงคลนำเงินมาบูรณะวัดพระรูปให้เจริญก้าวหน้า และเมื่อวัดเจริญก้าวหน้าแล้วจะหยุดสร้างพระทันที ในการสร้างพระเครื่องพิมพ์ต่าง ๆ ท่านได้นำพระพิมพ์ต่าง ๆ ที่แตกหักจากเจดีย์ต่าง ๆ ทั่วเมืองสุพรรณ โดยเฉพาะพระชำรุดหักของวัดบ้านกร่าง วัดพระรูป และวัดมหาธาตุ พระผงสุพรรณ ฯลฯ มาเป็นส่วนผสมในมวลสาร
หลวงพ่อดีนั้นเวลาท่านทำพระเครื่องท่านจะกดพิมพ์เองกับมือวันหนึ่งทำไม่มากองค์หรอกครับ(เพราะเมื่อหมดฤกษ์ดี ยามดี ในแต่ละวันท่านก็หยุด)ท่านสร้างและเก็บไว้ เมื่อเกจิสมัยนั้นแวะเวียนมาหาท่าน ก็จะร่วมกันปลุกเสกด้วย (หลวงปู่โต๊ะ)(หลวงพ่อมุ่ย)(หลวงพ่อถิร)ฯลฯ
และนำเข้าพุทธาภิเศก ใหญ่อีกครั้ง ท่านสร้างพระเพราะต้องการให้ชาวบ้านได้ร่วมทำบุญและได้พระเครื่องไว้บูชาและนำเงินมาบำรุงวัดซึ้งในขณะนั้นวัดพระรูปได้ทรุดโทรมมาก
เมื่อได้เพียงพอแล้วจะหยุดสร้างทันที ต่อมาท่านก็หยุดสร้างจริงๆ ไม่ได้สร้างทุกๆปี หรือตามวาระพรรษา รุ่นหลังๆเป็นลูกศิษย์ขอสร้างเนื่องจากจะซ่อมแซมวัด(จึงเป็นเหตุให้ผงสุพรรณและพระขุนแผน พระปิดตา รุ่นที่หลวงพ่อกดพิมพ์เองจริงๆแล้วมีจำนวนไม่มากนัก)แต่รุ่นหลังๆ พุทธคุณก็เหมือนกันทุกประการ
ชาวเมืองสุพรรณและพื้นที่ใกล้เคียงล่ำลือกันว่า((จะมีผีเสื้อ ผึ้ง และนกหลายชนิด บินมาเกาะที่มือหลวงพ่อและอยู่ใกล้ๆ เวลาหลวงพ่อดีกดพิมพ์พระเครื่อง))
เมื่อหมดฤกษ์ดี ท่านก็หยุด พระเครื่องยุคแรกของท่าน(จะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ) พุทธคุณเหนือคำบรรยาย
พุทธคุณดีด้านเมตตา มหาเสน่ห์ มหานิยมและอยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอุตม์ พุทธคุณดีทุกๆด้าน
ประวัติคร่าวๆ ของพระผงสุพรรณ ของ หลวงปู่ดี วัดพระรูป จัดสร้างในปี พ.ศ. ๒๕๑๓-๑๔ ด้วยผงพุทธคุณแก่น้ำมัน อันมีผงวิเศษต่างๆ ดังนี้
๑. ผงพุทธคุณ ทั้ง ๕ ของหลวงปู่ดี
๒. ผงว่าน 108 ชนิด
๓. ผงพระเครื่อง วัดปราสาทบุญญาวาส
๔. ผงพระวัดราชนัดดา
๕. ผงวัดป่าเรย์ไร
๖. แร่วิเศษต่างๆ อีกมากมาย เป็นต้น.
นอกจากนี้ ยังได้มีการพุทธาภิเษกจาก พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ของเมืองสุพรรณในยุคนั้น อันได้แก่
๑. หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
๒. หลวงพ่อถิร วัดป่าเรย์ไร
๓. หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย
๔. หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว
และหลวงพ่อดี วัดพระรูป ท่านยังเมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยวอีก ถึง ๑ พรรษาด้วยกัน
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าพระผงสุพรรณของหลวงปู่ดีท่านสุดยอดครับ
http://www.web-pra.com/Shop/buchapha/Show/98985
หลวงพ่อดีท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านได้เข้าไปในพระอุโบสถและตั่งสัตย์ปฏิญาณว่า "ลูกไม่มีเงินที่จะพัฒนาวัด และเกินกำลังเหลือเกินจะขอสร้างวัตถุมงคลเพื่อหารายได้เข้าวัดขอให้วัตถุมงคลนี้มีเมตตา บารมี และศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ผู้ที่มาเช่านำไปใช้เกิดศิริมงคล ลูกขอทำวัตถุมงคลนำเงินมาบูรณะวัดพระรูปให้เจริญก้าวหน้า และเมื่อวัดเจริญก้าวหน้าแล้วจะหยุดสร้างพระทันที ในการสร้างพระเครื่องพิมพ์ต่าง ๆ ท่านได้นำพระพิมพ์ต่าง ๆ ที่แตกหักจากเจดีย์ต่าง ๆ ทั่วเมืองสุพรรณ โดยเฉพาะพระชำรุดหักของวัดบ้านกร่าง วัดพระรูป และวัดมหาธาตุ พระผงสุพรรณ ฯลฯ มาเป็นส่วนผสมในมวลสาร
หลวงพ่อดีนั้นเวลาท่านทำพระเครื่องท่านจะกดพิมพ์เองกับมือวันหนึ่งทำไม่มากองค์หรอกครับ(เพราะเมื่อหมดฤกษ์ดี ยามดี ในแต่ละวันท่านก็หยุด)ท่านสร้างและเก็บไว้ เมื่อเกจิสมัยนั้นแวะเวียนมาหาท่าน ก็จะร่วมกันปลุกเสกด้วย (หลวงปู่โต๊ะ)(หลวงพ่อมุ่ย)(หลวงพ่อถิร)ฯลฯ
และนำเข้าพุทธาภิเศก ใหญ่อีกครั้ง ท่านสร้างพระเพราะต้องการให้ชาวบ้านได้ร่วมทำบุญและได้พระเครื่องไว้บูชาและนำเงินมาบำรุงวัดซึ้งในขณะนั้นวัดพระรูปได้ทรุดโทรมมาก
เมื่อได้เพียงพอแล้วจะหยุดสร้างทันที ต่อมาท่านก็หยุดสร้างจริงๆ ไม่ได้สร้างทุกๆปี หรือตามวาระพรรษา รุ่นหลังๆเป็นลูกศิษย์ขอสร้างเนื่องจากจะซ่อมแซมวัด(จึงเป็นเหตุให้ผงสุพรรณและพระขุนแผน พระปิดตา รุ่นที่หลวงพ่อกดพิมพ์เองจริงๆแล้วมีจำนวนไม่มากนัก)แต่รุ่นหลังๆ พุทธคุณก็เหมือนกันทุกประการ
ชาวเมืองสุพรรณและพื้นที่ใกล้เคียงล่ำลือกันว่า((จะมีผีเสื้อ ผึ้ง และนกหลายชนิด บินมาเกาะที่มือหลวงพ่อและอยู่ใกล้ๆ เวลาหลวงพ่อดีกดพิมพ์พระเครื่อง))
เมื่อหมดฤกษ์ดี ท่านก็หยุด พระเครื่องยุคแรกของท่าน(จะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ) พุทธคุณเหนือคำบรรยาย
พุทธคุณดีด้านเมตตา มหาเสน่ห์ มหานิยมและอยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอุตม์ พุทธคุณดีทุกๆด้าน
ประวัติคร่าวๆ ของพระผงสุพรรณ ของ หลวงปู่ดี วัดพระรูป จัดสร้างในปี พ.ศ. ๒๕๑๓-๑๔ ด้วยผงพุทธคุณแก่น้ำมัน อันมีผงวิเศษต่างๆ ดังนี้
๑. ผงพุทธคุณ ทั้ง ๕ ของหลวงปู่ดี
๒. ผงว่าน 108 ชนิด
๓. ผงพระเครื่อง วัดปราสาทบุญญาวาส
๔. ผงพระวัดราชนัดดา
๕. ผงวัดป่าเรย์ไร
๖. แร่วิเศษต่างๆ อีกมากมาย เป็นต้น.
นอกจากนี้ ยังได้มีการพุทธาภิเษกจาก พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ของเมืองสุพรรณในยุคนั้น อันได้แก่
๑. หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
๒. หลวงพ่อถิร วัดป่าเรย์ไร
๓. หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย
๔. หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว
และหลวงพ่อดี วัดพระรูป ท่านยังเมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยวอีก ถึง ๑ พรรษาด้วยกัน
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าพระผงสุพรรณของหลวงปู่ดีท่านสุดยอดครับ
http://www.web-pra.com/Shop/buchapha/Show/98985
พระผงสุพรรณ
พระผงสุพรรณได้ปรากฏหลักฐานว่าขุดพบที่พระปรางค์องค์ใหญ่ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๖ โดยท่านพระยาสุนทรบุรีเจ้าเมืองสุพรรณในขณะนั้นได้สั่งให้มีการเปิดกรุอย่างเป็นทางการ เพราะปรากฏว่ามีคนร้ายลักลอบขุดพระปรางค์องค์ใหญ่อยู่บ่อยครั้งซึ่งได้พบพระบูชาและพระเครื่องมากมายหลายพิมพ์ แม้แต่พระทองคำก็มีไม่น้อย นอกจากนี้ยังพบแผ่นลานเงิน แผ่นลานทอง ซึ่งได้บันทึกจารหลักฐานไว้ทำให้ชนรุ่นหลังได้ทราบว่า ในปีพ.ศ.๑๘๙๐ สมเด็จพระบรมราชาธิบดีที่ ๑ ทรงมีศรัทธาใน พระบรมพุทธศาสนาได้ทรงอัญเชิญพระมหาเถรปิยะทัสสีสารีบุตร ให้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระฤาษีทิวาลัยเป็นประธานฝ่ายฤาษีร่วมกันสร้างพระพุทธปฏิมากร เพื่อเป็นการสืบศาสนา พระผงสุพรรณเป็น พระเครื่องสกุลสูงเปรียบได้ว่าเป็นพระ ชั้นกษัตริย์ ของเมืองสุพรรณบุรี พุทธลักษณะเป็นพระสี่เหลี่ยมทรงชะลูดจนดูเกือบจะเป็นสามเหลี่ยมตัดปลาย มีบางองค์ถูกถูกตัดปลายออกสองด้านจนกลายเป็นห้าเหลี่ยมก็มีองค์พระนั่งปางมารวิชัยประทับบนฐานชั้นเดียวพระพักตร์ แตกต่างกันออกไปตามพิมพ์ด้านหลังปรากฏลายนิ้วมือแบบ" ตัดหวาย "ทุกองค์ เป็นศิลปะแบบอู่ทอง
|
พระผงสุพรรณ เนื้อเป็นเนื้อดินเผาละเอียดปราศจากเม็ดแร่ มีหลายสี เช่น สีแดง สีเขียว สีดำ และสีมอย(ดำจางๆคล้ายผงธูป) พระผงสุพรรณพิมพ์ที่นิยมในวงการมีอยู่ ๓ พิมพ์ ด้วยกันคือ
๑. พิมพ์หน้าแก่
สัญสักษณ์ที่สำคัญของพระผงสุพรรณอย่างหนึ่ง ก็คือว่า ที่ด้านหลังองค์พระจะต้องมี ลายมือติดอยู่ด้วยทุกองค์
http://pioneer.netserv.chula.ac.th/~tkitsana/pongsupon.htm
|
พระผงสุพรรณ
ปราศจากเม็ดแร่ มีหลายสี เช่น สีแดง สีเขียว สีดำ และสีมอย(ดำจางๆคล้ายผงธูป)
พระผงสุพรรณพิมพ์ที่นิยมในวงการมีอยู่ 3 พิมพ์ ด้วยกันคือ
1 พิมพ์หน้าแก่
2 พิมพ์หน้ากลาง
3 พิมพ์หน้าหนุ่ม
พระผงสุพรรณได้ปรากฏหลักฐานว่าขุดพบที่พระปรางค์องค์ใหญ่ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ.2456 โดยท่าน
พระยาสุนทรบุรี เจ้าเมืองสุพรรณในขณะนั้นได้สั่งให้มีการเปิดกรุ อย่างเป็นทางการ เพราะปรากฏว่ามีคนร้ายลักลอบขุดพระปรางค์
องค์ใหญ่ อยู่บ่อยครั้งซึ่งได้ พบพระบูชาและพระเครื่องมากมายหลายพิมพ์ แม้แต่พระทองคำก็มีไม่น้อย นอกจากนี้ยังพบแผ่น
ลานเงิน แผ่นลานทองซึ่งได้บันทึกจารหลักฐานไว้ทำให้ชนรุ่นหลังได้ทราบว่า ในปี พ.ศ.1890 สมเด็จพระบรมราชาธิบดีที่1
ทรงมีศรัทธาในพระบรมพุทธศาสนา ได้ทรงอัญเชิญพระมหาเถร- ปิยะทัสสีสารีบุตร ให้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระฤาษีทิวาลัย
เป็นประธาน ฝ่ายฤาษี ร่วมกันสร้าง พระพุทธปฏิมากร เพื่อเป็นการสืบศาสนา พระผงสุพรรณเป็นพระเครื่องสกุลสูงเปรียบได้ว่าเป็น
พระ ชั้นกษัตริย์ ของเมืองสุพรรณบุรี พุทธลักษณะเป็นพระสี่เหลี่ยมทรงชะลูดจนดูเกือบจะเป็น สามเหลี่ยมตัดปลาย มีบางองค์
ถูกถูกตัดปลายออกสองด้านจนกลายเป็นห้าเหลี่ยมก็มี องค์พระนั่ง ปางมารวิชัยประทับบนฐานชั้นเดียวพระพักตร์แตกต่างกันออกไป
ตามพิมพ์ ด้านหลังปรากฏลาย นิ้วมือแบบ" ตัดหวาย "ทุกองค์ เป็นศิลปะแบบอู่ทอง
http://www.watsuwannabhoomi.org/data/his1555.htm
พระผงสุพรรณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี
สุพรรณบุรี เมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง นี้คือคำขวัญจังหวัดสุพรรณบุรี คำว่าเลื่องลือพระเครื่องก็มาจากพระเครื่องพระผงสุพรรณ ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุนี้เอง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเป็นวัดวัดหนึ่งที่ขึ้นชื่อของจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นที่รู้จักกันดีซึ่งถือว่าเป็นวัดใหญ่วัดหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุตั้งอยู่ถนนสมภารคง เส้นทางนพเก้าไหว้พระเก้าวัดของจังหวัดสุพรรณบุรีนับเป็นวัดแรกบนถนนสายสมภารคง หรือชาวบ้านเรียกกว่าวัดพระธาตุ พิหารแดง เส้นทางการเดินทาง แยกจากถนนมาลัยแมนประมาณ 300 เมตร เขตตำบลรั้วใหญ่ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุนับว่าเป็นศูนย์กลางของเมืองสุพรรณภูมิ เป็นวัดคู่บ้าน คู่เมือง มีอายุไม่ต่ำกว่า 600 ปี ปรางค์องค์ประธานเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แต่ถูกลักลอบขุดค้นหาทรัพย์สินจนทรุดโทรมและมีการซ่อมแซมในเวลาต่อมา กรุในองค์พระปรางค์นี้เป็นต้นกำเนิดพระพิมพ์ผงสุพรรณบุรีที่โด่งดังมาก อันเป็นหนึ่งใน เบญจภาคี 5 พระเครื่องยอดนิยม พระสมเด็จนางพญาของสมเด็จพระพุทธาจารย์(โต) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร พระผงสุพรรณ จังหวัดสุพรรณ พระสมเด็จนางพญา จังหวัดพิษณุโลก พระทุ่งเศรษฐี จังหวัดกำแพงเพชร และพระรอด จังหวัดลำพูน เชื่อกันว่าปรางค์น่าจะเป็นศิลปะการก่อสร้างสมัยอู่ทองสุพรรณภูมิ เพราะจากหลักฐานการก่อสร้างองค์ปรางค์เป็นการก่ออิฐไม่ถือปูน ซึ่งเป็นวิธีการเก่าแก่ก่อนสมัยอยุธยา


http://www.suphaninsure.com/wizContent.asp?wizConID=64505&txtmMenu_ID=7
พระผงสุพรรณนับเป็นพระเครื่องที่พบในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี นับเป็นที่ต้องการครอบครองทั้งเซียนรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ หน้าใหม่ หน้าเก่า และเป็นที่ต้องการเนื่องจากความงดงามเป็นเอกลักษณ์ของชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ด้วยความสวดสดงดงามและเป็นพระเครื่ององค์หนึ่งที่ยิ่งมีความเก่าอายุยิ่งมากยิ่งมีความสวยงามพูนทวียิ่งขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งนับวันยิ่งหายากเพราะพระผงสุพรรณมีจำนวนจำกัด และยังมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆตามความต้องการ ส่วนใหญ่แล้วพระผงสุพรรณจะไปอยู่กับคนมีเงินมีทอง และมีอำนาจในปัจจุบันเพราะพระผงสุพรรณเป็นพระที่รู้จักแพร่หลายเป็นอย่างมากเรียกว่าใครไม่รู้จักพระผงสุพรรณไม่มีแล้วในประเทศไทย และนับเป็นพระเครื่องที่โด่งดังที่สุดองค์หนึ่งซึ่งอาจมีเหลืออยู่ในพื้นที่บ้างเนื่องจากพระผงสุพรรณนับเป็นพระเครื่องที่เป็นมรดกตกทอดสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน
พระผงสุพรรณเป็นพระเครื่องเนื้อดินเผา จำลองมาจากลักษณะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าในลักษณะปางมารวิชัย แบ่งตามพิมพ์ได้จำนวน 3 พิมพ์ตามลักษณะที่พบ
พระผงสุพรรณพิมพ์หน้ากลาง สังเกตุง่ายๆพระพักตร์อ่อนโยนดูอิ่มเอิบเรียกว่าพิมพ์หน้ากลางแต่ถ้าจะลงลึกถึงรายละเอียดลักษณะทรวดทรงสัณฐานเช่นเดียวกับพระผงสุพรรณพิมพ์หน้าแก่แต่พระพักตร์จะไม่เคร่งขรึมเหี่ยวย่นเหมือนพิมพ์หน้าแก่ดูอิ่มเอิบสดใส คล้ายหน้ามนุษย์ที่ไม่สูงวัยมากและจะมีแม่พิมพ์เพียงพิมพ์เดียว พระพักตร์อิ่มเอิบ ไม่เหี่ยวย่นชราภาพเหมือนพิมพ์หน้าแก่ พระเนตรทั้งสองข้างไม่จมลึกเหมือนพิมพ์หน้าแก่ ปลายพระเนตรด้านซ้ายขององค์พระตวัดเฉียงขึ้นเล็กน้อยสังเกตว่าพระพักตร์พระเนตรทั้งสองข้างวางตำแหน่งเท่ากันไม่เอียงเหมือนพิมพ์หน้าแก่ พระกรรณทั้งสองข้างจะเป็นเส้นเอียงลงตามเค้าพระพักตร์และมีความยาวเกือบเท่ากันทั้งสองข้าง ในองค์พระจะเรียวยาวคล้ายจะงอยที่ปลาย งอเข้าหาด้านในเล็กน้อย ส่วนปลายพระกรรณซ้ายขององค์พระจะแตกเป็นหางแซงแซว พระอุระผายกว้างและสอบเพรียวตรง พระนาภีมองดูคล้ายหัวช้าง พระหัตถ์วางที่ตัก ปลายพระหัตถ์จะยาวเกือบชนลำพระกรขวาขององค์พระ ซึ่งเป็นความแตกต่างของพิมพ์หน้าแก่และหน้าหนุ่ม พระกรขวาเว้าลึกอย่างเห็นได้ชัด มีเนื้อเกินขึ้นจากโคนนิ้วขึ้นด้านบน
พิมพ์หน้าหนุ่ม ชาวบ้านเรียกพิมพ์หน้าหนู พระประทับนั่งปางมารวิชัยฐานชั้นเดียวมีกระจังหน้า พระพักตร์เคร่งขรึม พระนาสิกหนาใหญ่ พระอุระหนา พระกรทอดเรียว เป็นศิลปะช่างอู่ทองซึ่งมีลักษณะเหมือนมนุษย์ พระพักตร์อิ่มเรียวเล็กไม่มีรอยเหี่ยวย่นเรียกพิมพ์หน้าหนุ่ม พระผงสุพรรณหน้าหนุ่ม มีความลึก คมชัด จนถอดออกจากพิมพ์ได้ยากมากเพราะลึกชัดพระพักตร์ดูอ่อนเยาว์สดใส แตกต่างจากพิมพ์หน้าแก่และหน้ากลางอย่างเห็นได้ชัด พระเนตรทั้งสองข้างวางอยู่ในระดับเดียวกัน ปลายพระเนตรด้านซ้ายขององค์เฉียงขึ้นเล็กน้อย พระนาสิกหนาตั้งเป็นสัน ริมพระโอษฐ์หนา พระกรรณแตกต่างจากพิมพ์หน้าแก่และหน้ากลาง พระพักตร์ยางลงมาเกือบถึงอังสะทั้งสองข้าง พระอุระใหญ่หนาเพียวยาวลงมาพระนาภีคล้ายหัวช้างคล้ายกับพิมพ์หน้าแก่และหน้าหน้ากลาง พระหัตถ์ซ้ายวางอยู่บนหน้าตักกลางองค์เหมือนกับพิมพ์หน้าแก่ ปลายพระหัตถ์ไม่จรดพระกรเหมือนพิมพ์หน้ากลาง พระกรขวาจะเว้าลึกมองเห็นได้อย่างชัดเจน พระผงสุพรรณหน้าหนุ่มจะมีความหนามากกว่าพิมพ์อื่นๆมีการตัดตามทรวดทรงของพระตามความอ้อนช้อยสังเกตเห็นชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ
พิมพ์หน้าแก่ เป็นพระพุทธรูปที่พระพักตร์เหี่ยวย่นเหมือนคนแก่ เรียกพิมพ์หน้าแก่ พระเนตรซ้ายขององค์ยาวรี ลึก ปลายพระเนตรซ้ายตวัดขึ้นสูงกว่าพระเนตรด้านขวา พระนาสิกหนาใหญ่ สองข้างมีร่องลึกลงมารับพระโอษฐ์ซึ่งแย้มเล็กน้อย พระกรรณขวาขององค์จะขมวดคล้ายมวยผม ไรพระศกทอดยาวลงมามากกว่าพระกรรณด้านซ้าย พระกรรณขวามีร่องลึกเหมือนร่องหู พระกรรณด้านบนมีร่องหนาใหญ่โค้งคล้ายใบหูมนุษย์ ด้านในของพระกรรณซ้ายจะมีเม็ดผดคล้ายเมล็ดข้าวสารวางสลับไปสลับมาเรื่อยมาถึงปลายพระกรรณ พระอุใหญ่คล้ายหัวช้าง พระอุระกับพระอังสะด้านซ้ายขององค์เว้าลึกมองเห็นเป็นสามเหลี่ยม ข้อพระกรเว้าลึก พระหัตถ์ซ้ายหนาใหญ่อยู่กึ่งกลางองค์ มีเม็ดผดเรียงขึ้นใต้ราวนมด้านซ้ายขององค์
พระผงสุพรรณตามจารึกลานทองกล่าวไว้ว่า พระฤษีทั้งสี่ตนจึงพร้อมกันนำเอาแด่ว่านทั้งหลาย พระฤษีจึงอัญเชิญเทวดามาช่วยกันทำพิธีเป็นพระพิมพ์ไว้สถานหนึ่งแดง สถานหนึ่งดำให้เอาว่านทำเป็นผงก้อนพิมพ์ด้วยลายมือของมหาเถระปิยะทัสสะสึ ศรีสารีบุตร เป็นใหญ่เป็นประธานที่นั้น ได้เอาแร่ต่างๆมีอนุภาพต่างๆ เสกด้วยมนต์คาถาครบ สามเดือนแล้วเอาไปประดิษฐ์ไว้ในสถูปแห่งหนึ่งที่เมืองพันทูมพระว่านก็ดี พระเกสรก็ดี ทำด้วยแร่สังฆวานร
สำหรับความหมายของจารึกลานทองกล่าวถึงพระผงสุพรรณไว้ด้วยกันสองชนิดคือพระผงสุพรรณเนื้อดินเผาที่มีส่วนผสมจากว่าน และเกสรต่างๆที่มีพุทธคุณเด่นในแต่ละด้าน และผ่านกรรมวิธีการสร้างพระแบบโบราณที่มีความละเอียดอ่อนและแยบยลสีพระผงจึงเป็นเนื้อดำเงางามที่มีข้อความในในจารึกลานทองว่าสถานหนึ่งดำ ส่วนสถานหนึ่งแดงในจารึกลานทองเป็นพระผงสุพรรณที่ทำจากแร่ธาตุ โลหะต่างๆ ซึ่งก็หมายถึงพระผงสุพรรณยอดโถในปัจจุบัน
สำหรับพระผงสุพรรณเนื้อดินนับว่าเป็นพระเครื่องที่มีส่วนผสมมวลสารหลักจากดินที่มีความละเอียด ว่านและเกสรดอกไม้ต่างๆ คนโบราณเรียกว่าพระเกสรสุพรรณ สังเกตว่าเนื้อดินจะมีความละเอียดมากดินที่ใช้สร้างพระผงสุพรรณเป็นดินจังหวัดสุพรรณบุรีโดยแท้มิมีดินจังหวัดอื่นมาเจอปนจึงเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครการสร้างพระผงสุพรรณเป็นการสร้างที่มีความละเอียดอ่อนและทำแบบโบราณโดยแท้ผสมว่านผงเกสรมงคล 108 มาเป็นวัตถุหลักในการสร้างพระผงสุพรรณรุ่นนี้มีการนำว่านต่างๆมาคั้นเอาเพียงน้ำว่านนำมาผสมเข้ากับมวลสารต่างๆให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมดก่อนที่จะทำเป็นองค์จึงมีความแน่นของเนื้อองค์พระผงสุพรรณซึ่งชาวบ้านสมัยก่อนนำมาบูชาคล้องคอโดยใช้ลวดถักเมื่อโดนเหงื่อจะมีความเงางามของเนื้อองค์เป็นอย่างมากเนื้อพระผงสุพรรณเงายิ่งขึ้นจนเป็นเงางามและองค์เด่นลอยนูนขึ้นมาชัดเจนจนเป็นที่ต้องการของประชาชน ซึ่งแก่นว่านในเนื้อองค์ส่งผลให้เนื้อพระผงสุพรรณมีความเงางามยิ่งขึ้นเมื่อนำไปคล้องคอ แก่นว่านเมื่อนำไปเผาจึงไม่มีรอยของความร้อนย่อยสลายเหมือนกับกาใส่ว่านที่ไม่ถูกคั้นลงไปที่ถูกความร้อนแล้วย่อยสลายจนเป็นเป็นโพรงกร่อนเป็นโพรงอากาศที่เนื้อองค์ ส่วนการเผาพระผงสุพรรณเป็นการเผาด้วยไฟร้อนสูง และสม่ำเสมอส่งผลให้พระผงสุพรรณไม่แตกหักง่ายเนื้อองค์เงางามสวยตลอดทั้งองค์และยังคงมีสภาพแกร่งแข็งแรงชัดเจนจนถึงทุกวันนี้ถึงแม้นมีอายุเก่าแก่และยิ่งงดงามขึ้นเรื่อยๆตามอายุ
สำหรับที่พักในตัวเมืองเพื่อชมความงดงามในตัวเมืองยามค่ำคืน โรงแรม วาสิฏฐี ซิตี้โฮเทล แสงสีสดใส โรงแรมแนวใหม่ใจกลางเมืองสุพรรณบุรี ที่โดดเด่นด้วยการเล่นไฟสีสันสดสวย ทั้งภายในและภายนอกโทร 035-526111, 035-526123 โรงแรมคุ้มสุพรรณสะดวกสบายครบวงจรเต็มทุกรูปแบบ โทร 035-522273-6
โรงแรมสองพันบุรี 135/1 ถนนประชาธิปไตย อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี 72000
โทรศัพท์ 0-3552-2555-7, 0-3554-6667-71 โทรสาร 0-3552-2097
โทรศัพท์ 0-3552-2555-7, 0-3554-6667-71 โทรสาร 0-3552-2097
และ รีสอร์ทจุรีปันสุข รีสอร์ทสไตล์บ้านสวนในตัวเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี
16/2 หมู่ 2 ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี 72000 โทร. 035- 526115 ซึ่งอยู่เส้นทางเดียวกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุบรรยากาสแมกไม้ สายน้ำ ธรรมชาติ สงบ เงียบ
16/2 หมู่ 2 ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี 72000 โทร. 035- 526115 ซึ่งอยู่เส้นทางเดียวกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุบรรยากาสแมกไม้ สายน้ำ ธรรมชาติ สงบ เงียบ
อาหารขึ้นชื่อดังอำเภอบางปลาม้าเป็นเมนูอาหารคล้ายภัตรคาร เมนูอาหารประเภทปลา ประเภทกุ้งแม่น้ำตัวโตๆสดสะอาดต้อง ร้านกุ่ยหมง ตั้งอยู่ข้างที่ว่าการอำเภอบางปลาม้า
โทร. 035-587256 089-5151302 ร้านแม่บ๊วยอยู่ตรงข้ามที่ว่าการ อำเภอบางปลาม้าเปิดบริการ 10.00-18.00 น.โทร.035-586424 035 - 587077 ส่วนร้านน้องแตน ซึ่งอยู่เส้นทางเดียวกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ มีเมนูตามสั่งราคามิตรภาพ อย่างเมนู กวยจั๊บ และอาหารตามสั่งทุกชนิดพร้อมสินค้าชาวบ้านที่วางขายทั้งในและนอกร้านโทร. 035-522680
โทร. 035-587256 089-5151302 ร้านแม่บ๊วยอยู่ตรงข้ามที่ว่าการ อำเภอบางปลาม้าเปิดบริการ 10.00-18.00 น.โทร.035-586424 035 - 587077 ส่วนร้านน้องแตน ซึ่งอยู่เส้นทางเดียวกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ มีเมนูตามสั่งราคามิตรภาพ อย่างเมนู กวยจั๊บ และอาหารตามสั่งทุกชนิดพร้อมสินค้าชาวบ้านที่วางขายทั้งในและนอกร้านโทร. 035-522680
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
อยู่ในตำบลรั้วใหญ่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี ถนนสมภารคงแยกจากถนนมาลัยแมน ไปประมาณ 300 เมตรในสมัยก่อนเป็นศูนย์กลางของเมืองสุพรรณภูมิ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง มีอายุไม่ต่ำกว่า 600 ปี ปรางค์องค์ประธาน เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ เมื่อปี พ.ศ. 2456 ชาวบ้านลักลอบขุดค้นหาทรัพย์สินจนทรุดโทรมไปมาก พระพิมพ์ผงสุพรรณบุรีที่โด่งดังมาก อันเป็นหนึ่งใน “เบญจภาคี” ก็ได้ไปจากกรุในองค์พระปรางค์นี้ และพระเครื่องที่มีชื่อเสียงอื่นๆ ที่นอกเหนือจากพระผงสุพรรณ เช่น พระกำแพงศอก พระมเหศวร พระสุพรรณยอดโถ พระสุพรรณหลังผาน ตลอดจนพระเนื้อชินต่างๆ ซึ่งปัจจุบันหายาก นักโบราณคดีหลายท่านให้ความเห็นว่าน่าจะเป็นศิลปะการก่อสร้าง ในสมัยอู่ทองสุพรรณภูมิ เพราะหลักฐานการก่อสร้าง เป็นการก่ออิฐไม่ถือปูน ซึ่งเป็นวิธีการเก่าแก่ก่อนสมัยอยุธยา |
พระผงสุพรรณ มีแหล่งกำเนิดจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี เนื้อเป็นเนื้อ ดินเผาละเอียด ปราศจากเม็ดแร่ มีหลายสี เช่น สีแดง สีเขียว สีดำ และสีมอย(ดำจางๆคล้ายผงธูป) พระผงสุพรรณพิมพ์ที่นิยมในวงการมีอยู่ 3 พิมพ์ ด้วยกันคือ 1 พิมพ์หน้าแก่ 2 พิมพ์หน้ากลาง 3 พิมพ์หน้าหนุ่ม พระผงสุพรรณได้ปรากฏหลักฐานว่าขุดพบที่พระปรางค์องค์ใหญ่ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ.2456 โดยท่านพระยาสุนทรบุรี เจ้าเมืองสุพรรณในขณะนั้นได้สั่งให้มีการเปิดกรุ อย่างเป็นทางการ เพราะปรากฏว่ามีคนร้ายลักลอบขุดพระปรางค์องค์ใหญ่ อยู่บ่อยครั้งซึ่งได้ พบพระบูชาและพระเครื่องมากมายหลายพิมพ์ แม้แต่พระทองคำก็มีไม่น้อย นอกจากนี้ยังพบแผ่นลานเงิน แผ่นลานทองซึ่งได้บันทึกจารหลักฐานไว้ทำให้ชนรุ่นหลังได้ทราบว่า ในปี พ.ศ.1890 สมเด็จพระบรมราชาธิบดีที่1 ทรงมีศรัทธาในพระบรมพุทธศาสนา ได้ทรงอัญเชิญพระมหาเถร- ปิยะทัสสีสารีบุตร ให้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระฤาษีทิวาลัยเป็นประธาน ฝ่ายฤาษี ร่วมกันสร้าง พระพุทธปฏิมากร เพื่อเป็นการสืบศาสนา พระผงสุพรรณเป็นพระเครื่องสกุลสูงเปรียบได้ว่าเป็นพระ ชั้นกษัตริย์ ของเมืองสุพรรณบุรี พุทธลักษณะเป็นพระสี่เหลี่ยมทรงชะลูดจนดูเกือบจะเป็น สามเหลี่ยมตัดปลาย มีบางองค์ถูกถูกตัดปลายออกสองด้านจนกลายเป็นห้าเหลี่ยมก็มี องค์พระนั่ง ปางมารวิชัยประทับบนฐานชั้นเดียวพระพักตร์แตกต่างกันออกไปตามพิมพ์ ด้านหลังปรากฏลาย นิ้วมือแบบ" ตัดหวาย "ทุกองค์ เป็นศิลปะแบบอู่ทอง พระผงสุพรรณ เป็นพระเครื่องที่พบในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี เป็นพระเครื่องเนื้อดินเผา จำลองพุทธลักษณะองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใน ลักษณะการปางมารวิชัย แบ่งแยกแม่พิมพ์ได้เป็นพิมพ์หน้าแก่ พิมพ์หน้ากลาง และพิมพ์หน้าหนุ่ม (สมัยโบราณเรียกพิมพ์หน้าหนู) องค์พระประทับนั่ง ปางมารวิชัย บนฐานเชียงชั้นเดียว พระเกศคล้ายฝาละมี มีกระจังหน้า พระพักตร์เคร่งขรึม พระนาสิกหนาใหญ่ พระอุระหนา ส่วนพระการทอดเรียว แสดงออกถึงศิลปะสกุลช่างอู่ทองที่เน้นความละม้ายคล้ายคลึงกับมนุษย์มากที่สุด ด้วยเหตุนี้ เมื่อพบพิมพ์พระ ๓ ประเภท จึงเรียกชื่อตามลักษณะพระพักตร์และตามศิลปะสกุลช่าง แห่งพระพุทธรูปที่พระพักตร์เหี่ยวย่นเหมือนคนแก่ เรียกว่า พิมพ์หน้าแก่ ที่พระพักตร์อิ่มเอิบเรียวเล็ก ปราศจากรอยเหี่ยวย่น เรียกว่าพิมพ์หน้าหนุ่ม พระผงสุพรรณนั้นปรากฏตามจารึกลานทองกล่าวถึงการสร้างว่า “..พระฤๅษีทั้งสี่ตนจึงพร้อมกันนำเอาแต่ว่านทั้งหลาย พระฤๅษีจึงอัญเชิญเทวดามาช่วยกันทำพิธี เป็นพระพิมพ์ไว้สถานหนึ่งแดง สถานหนึ่งดำ ให้เอาว่านทำเป็นผงก้อน พิมพ์ด้วยลายมือของมหาเถระปิยะทัสสะสี ศรีสารีบุตรคือ เป็นใหญ่ เป็นประธานในที่นั้น ได้เอาแร่ต่าง ๆ มีอานุภาพต่างกัน เสกด้วยมนต์คาถาครบ ๓ เดือน แล้วท่านให้เอาไปประดิษฐ์ไว้ในสถูปแห่งหนึ่งที่เมืองพันทูม http://www.suphan.biz/WatPraSri.htm |
พระผงสุพรรณพิมพ์หน้าแก่
พระผงสุพรรณพิมพ์หน้าแก่ : พระองค์ครู โดย ไตรเทพ ไกรงู
พระผงสุพรรณกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี นับเป็นพระเครื่องเลื่องชื่อ ถูกบรรจุอยู่ในชุดเบญจภาคี ซึ่งมีทั้งเนื้อดินและเนื้อชินเงิน ที่เรียกว่าพระผงสุพรรณยอดโถ แต่สาเหตุที่เรียกว่า ผงสุพรรณ ก็เนื่องจากการค้นพบจารึกลานทองกล่าวถึงการสร้างจากผงว่านเกสรดอกไม้อันศักดิ์สิทธิ์ จึงได้รับการเรียกขานกันว่าพระผงสุพรรณ เรื่อยมา ขึ้นชื่อว่ามีพุทธคุณ เมตตามหานิยมแคล้วคลาดภัยภิบัติ คงกระพัน โชคลาภ และความมีอำนาจ ค่านิยมหลักล้านขึ้น
ภาพพระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าแก่ ที่นำมาเป็นพระองค์ครูนี้ ค่านิยมเช่าหากันในราคา ๑๕ ล้าน
จารึกลานทองที่ค้นพบกล่าวถึงการสร้างพระผงสุพรรณไว้ความว่า ศุภมัสดุ ๑๒๕๖ สิทธิการิยะ แสดงบอกไว้ให้รู้ว่าฤาษีทั้งสี่ตน พระฤาษีพิมพิลาไลย์เป็นประธาน เราจะทำด้วยฤทธิ์ทำด้วยเครื่องประดิษฐ์มีสุวรรณ เป็นต้น คือบรมกษัตริย์พระยาศรีธรรมโศกราชเป็นผู้มีศรัทธาพระฤาษีทั้งสี่ตน จึงพร้อมกันนำเอาแด่ว่านทั้งหลาย พระฤาษีจึงอัญเชิญเทวดามาช่วยกันทำพิธีเป็นพระพิมพ์ไว้สถานหนึ่งแดง สถานหนึ่งดำ ให้เอาว่านเป็นผงก้อน พิมพ์ด้วยลายนิ้วมือของมหาเถระปิยะทัสสะสิ ศรีสารีบุตร คือ เป็นใหญ่เป็นประธานในที่นั้น ได้เอาแร่ต่างๆ มีอานุภาพต่างกัน เสกด้วยมนต์คาถาครบ 3 เดือนแล้วท่านให้เอาไปประดิษฐ์ไว้ในสถูปแห่งหนึ่งที่เมืองพันทูม
ถ้าผู้ใดพบเห็นให้รับเอาไว้สักการบูชาเป็นของวิเศษแม้จะมีอันตรายประการใดก็ดี ให้อาราธนาผูกไว้ที่คออาจคุ้มครองภยันตรายได้ทั้งปวง เอาพระลงสรงนํ้ามันหอม แล้วนั่งบริกรรม พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ๑๐๘ จบ พาหุง ๑๓ จบใส่ขันสัมฤทธิ์ นั่งอธิษฐานเอาความปรารถนาเถิด ให้ทาทั้งหน้าและผม คอ หน้าอก ถ้าจะใช้ทางเมตตา ให้มีสง่า เจรจาให้คนทั้งหลายเชื่อฟัง ยําเกรง ให้เอาพระไว้ในนํ้ามันหอม เสกด้วยคาถานวหรคุณ ๑๓ จบ พาหุง ๑๓ จบ พระพุทธคุณ ๑๓ จบ ให้เอาดอกไม้ธูปเทียนทําพิธีในวันเสาร์ นํ้ามันหอมเก็บไว้ใช้ได้เสมอ ทาริมฝีปาก หน้าผาก และผม ถ้าผู้ใดพบพระตามที่กล่าวนี้ พระว่านก็ดี พระเกสรก็ดี ทําด้วยแร่สังฆวานรก็ดี อย่าประมาทเลย
อานุภาพพระทั้ง ๓ อย่างนี้ดุจกําแพงแก้วกันอันตรายทั้งปวง แล้วให้ว่าคาถาทเยสันตาจนจบ พระ พุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณจนจบ พาหุงไปจนจบ แล้วให้ว่าดังนี้อีก กะเตสิกเก กะระฌัง มหาไชยังมังคะสัง นะมะพะทะ ประสิทธิ แลฯ
http://www.komchadluek.net/detail/20110817/106258/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%88.html
(254) พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้ากลาง เนื้อว่านดำ
พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้ากลาง กรุวัดมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี เนื้อดินว่านสีดำ ปิดแผ่นทองคำโบราณมาตั้งแต่ตอนขึ้นจากกรุ ในปี พ.ศ. 2456 ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีในขณะนั้น นำพระผงสุพรรณจำนวนมากขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งที่พระองค์ได้เสด็จไปเปิดกรุอย่างเป็นทางการ และรัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานให้กับผู้ที่ร่วมเสด็จในครั้งนั้นจำนวนมาก พระที่ปิดแผ่นทองคำจึงมักพบในพระของชนชั้นสูงที่นำมาปิดแผ่นทองคำตามคติความเชื่อ ตั้งแต่ช่วงแรกๆในการนำขึ้นจากกรุ พระที่สร้างและอธิษฐานจิตโดยฤาษีจึงมักมีพลานุภาพที่สูงมาก หากใครสัมผัสพลังได้ จะได้พบความจริงดั่งว่าครับ
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
18 ธันวาคม 2554

http://nontayan.blogspot.com/2013/03/253_27.html
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
18 ธันวาคม 2554

http://nontayan.blogspot.com/2013/03/253_27.html
อุปเท่ห์ในพระผงสุพรรณ
พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี นับเป็นพระเครื่องที่ทรงคุณค่ายิ่ง นอกเหนือจากพุทธศิลปะอู่ทองอันเข้มขลังแล้ว พุทธคุณขององค์พระยังเลื่องชื่อลือชาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ซึ่งปรากฏในจารึกลานทองที่ได้จากกรุและถูกคัดลอกออกเป็น 6 สำเนา กล่าวถึงกรรมวิธีการสร้าง และ "อุปเท่ห์" อันหมายถึงวิธีการอาราธนาองค์พระเพื่อให้ท่านช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ สำหรับ "พระผงสุพรรณ" แล้วท่านได้ระบุว่าฤาษีผู้สร้างได้ลำดับอุปเท่ห์ไว้ดังนี้ 
-แม้อันตรายสักเท่าใดก็ดีให้นิมนต์พระใส่ไว้บนศีรษะหรืออาราธนาผูกไว้ที่คอ อันตรายทั้งปวงหายสิ้น แล
-ถ้าจะเข้าการรณรงค์สงคราม ให้เอาพระสรงน้ำมันหอม เสกด้วยนวหรคุณ แล้วเอาน้ำมันหอมมาใส่ผม ไปได้สำเร็จความปรารถนาแล
-ถ้าผู้ใดจะประสิทธิ์ด้วยหอกดาบศาสตราวุธทั้งปวง ให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอมใส่ชันสัมฤทธิ์ พิษฐานเอาตามความปรารถนาเถิด แล้วเสกด้วยพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ 108 คาบ พาหุง 13 จบ เอาน้ำมันหอมทาทั้งหน้า คอ หน้าอก แลผม จะสำเร็จผลตามความปรารถนาทุกอย่าง อยู่คงกระพันชาตรี ศาสตราวุธทั้งปวงจะมิมาต้องตัวผู้นั้นเลย ศักดิ์สิทธิ์แท้
-ถ้าผู้ใดจักใคร่ได้มาตุคาม ท่านให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอม แล้วเอาน้ำมันหอมนั้นมาใส่ใบพลูประสิทธิ์แก่คนผู้นั้น จะศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้นั้นแล
-ถ้าจะให้มีสง่าราศีเป็นสิริมงคลการเจรจาให้ผู้อื่นเชื่อฟังยำเกรง ท่านให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอม หุงขี้ผึ้งสีปาก เสกด้วยนวหรคุณ 13 จบ พาหุง 13 จบ พระพุทธคุณ 13 จบ ให้เอาดอกไม้ธูปเทียนบูชา ทำพิธีในวันเสาร์ แล้วเอาขี้ผึ้งทาริมฝีปาก หน้าอก แลผม จะศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้นั้นตามปรารถนา คนทั้งหลายทั้งกลัวทั้งเกรง เก็บไว้ใช้ได้เสมอ เป็นมหาวิเศษ
-ถ้าว่าจะค้าขายก็ดี จะไปหนบกหนเรือก็ดี ท่านให้นมัสการด้วยบทพาหุง แล้วอาราธนาพระสรงน้ำมันหอม เสกด้วยอิติปิโส 11 คาบ แล้วเอาน้ำมันหอมนั้นประพรมของ เอามาลูบหน้า ลูบศีรษะ และกินบ้าง ถ้าแม้จักไปขายหนบกหนเรือก็ศักดิ์สิทธิ์ คนทั้งหลายขายไม่ได้เราก็ขายได้
-ถ้าจะคิดการสิ่งใดหรือจักไปหนไหนๆ จะให้สมความปรารถนา ท่านให้อาราธนาพระใส่บนศีรษะก็จักสมความปรารถนาประเสริฐนักแล
-ถ้าจักให้สวัสดิมงคล เจริญผลสถาพรทุกเมื่อ ให้เอาดอกไม้ ดอกบัวบูชาทุกวัน ถวายพรพระพิมพ์ทุกวัน จะปรารถนาสิ่งใดก็สำเร็จผลทุกอันแล
-ถ้าไปในที่ต่างๆ อยากกินน้ำ หาน้ำไม่ได้ ท่านให้อาราธนาพระใส่ไว้ในปาก หายอยากน้ำแล
-ถ้าเอาพระไว้บนศีรษะแล้ว ปืนแลหน้าไม้ยิงมาเป็นห่าฝนก็ไม่ถูกตัวเรา
-ถ้าจะให้เป็นมหาจังงัง ให้อาราธนาพระไว้บนศีรษะ แล้วท่านให้อธิษฐานเอาเถิดสัตว์ทั้งหลายทำร้ายเราไม่ได้เลย คงยืนอยู่อย่างนั้น เงื้อก็เงื้อเปล่า ทำอะไรเราไม่ได้
-ถ้าเกิดเป็นถ้อยความ ขึ้นโรงศาล จักให้ถ้อยความนั้นละลายหายสูญไป ท่านให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอม แล้วเอาด้าย 11 เส้นทำไส้เทียน เอากระดาษยันตร์ใส่ชื่อมันห่อใส่เทียนนั้น เสกด้วยนวหรคุณ ตามถวายพรพระ บูชาประดิษฐานไว้ แล้วพิษฐานเอาตามความปรารถนาเถิด จะประสิทธิ์แก่ผู้นั้น ฝ่ายมันสู้เรามิได้เลย ศักดิ์สิทธิ์แล ให้เอาคาถานี้ทำเส้นเทียนเถิด
อุปเท่ห์ดังกล่าวให้ขึ้นต้นด้วยนโม 3 คาบ และใช้ได้กับพระเนื้อดินแถบสุพรรณบุรีทุกประเภท ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ
http://horoscope.thaiza.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93/161269/
-แม้อันตรายสักเท่าใดก็ดีให้นิมนต์พระใส่ไว้บนศีรษะหรืออาราธนาผูกไว้ที่คอ อันตรายทั้งปวงหายสิ้น แล
-ถ้าจะเข้าการรณรงค์สงคราม ให้เอาพระสรงน้ำมันหอม เสกด้วยนวหรคุณ แล้วเอาน้ำมันหอมมาใส่ผม ไปได้สำเร็จความปรารถนาแล
-ถ้าผู้ใดจะประสิทธิ์ด้วยหอกดาบศาสตราวุธทั้งปวง ให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอมใส่ชันสัมฤทธิ์ พิษฐานเอาตามความปรารถนาเถิด แล้วเสกด้วยพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ 108 คาบ พาหุง 13 จบ เอาน้ำมันหอมทาทั้งหน้า คอ หน้าอก แลผม จะสำเร็จผลตามความปรารถนาทุกอย่าง อยู่คงกระพันชาตรี ศาสตราวุธทั้งปวงจะมิมาต้องตัวผู้นั้นเลย ศักดิ์สิทธิ์แท้
-ถ้าผู้ใดจักใคร่ได้มาตุคาม ท่านให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอม แล้วเอาน้ำมันหอมนั้นมาใส่ใบพลูประสิทธิ์แก่คนผู้นั้น จะศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้นั้นแล
-ถ้าจะให้มีสง่าราศีเป็นสิริมงคลการเจรจาให้ผู้อื่นเชื่อฟังยำเกรง ท่านให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอม หุงขี้ผึ้งสีปาก เสกด้วยนวหรคุณ 13 จบ พาหุง 13 จบ พระพุทธคุณ 13 จบ ให้เอาดอกไม้ธูปเทียนบูชา ทำพิธีในวันเสาร์ แล้วเอาขี้ผึ้งทาริมฝีปาก หน้าอก แลผม จะศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้นั้นตามปรารถนา คนทั้งหลายทั้งกลัวทั้งเกรง เก็บไว้ใช้ได้เสมอ เป็นมหาวิเศษ
-ถ้าว่าจะค้าขายก็ดี จะไปหนบกหนเรือก็ดี ท่านให้นมัสการด้วยบทพาหุง แล้วอาราธนาพระสรงน้ำมันหอม เสกด้วยอิติปิโส 11 คาบ แล้วเอาน้ำมันหอมนั้นประพรมของ เอามาลูบหน้า ลูบศีรษะ และกินบ้าง ถ้าแม้จักไปขายหนบกหนเรือก็ศักดิ์สิทธิ์ คนทั้งหลายขายไม่ได้เราก็ขายได้
-ถ้าจะคิดการสิ่งใดหรือจักไปหนไหนๆ จะให้สมความปรารถนา ท่านให้อาราธนาพระใส่บนศีรษะก็จักสมความปรารถนาประเสริฐนักแล
-ถ้าจักให้สวัสดิมงคล เจริญผลสถาพรทุกเมื่อ ให้เอาดอกไม้ ดอกบัวบูชาทุกวัน ถวายพรพระพิมพ์ทุกวัน จะปรารถนาสิ่งใดก็สำเร็จผลทุกอันแล
-ถ้าไปในที่ต่างๆ อยากกินน้ำ หาน้ำไม่ได้ ท่านให้อาราธนาพระใส่ไว้ในปาก หายอยากน้ำแล
-ถ้าเอาพระไว้บนศีรษะแล้ว ปืนแลหน้าไม้ยิงมาเป็นห่าฝนก็ไม่ถูกตัวเรา
-ถ้าจะให้เป็นมหาจังงัง ให้อาราธนาพระไว้บนศีรษะ แล้วท่านให้อธิษฐานเอาเถิดสัตว์ทั้งหลายทำร้ายเราไม่ได้เลย คงยืนอยู่อย่างนั้น เงื้อก็เงื้อเปล่า ทำอะไรเราไม่ได้
-ถ้าเกิดเป็นถ้อยความ ขึ้นโรงศาล จักให้ถ้อยความนั้นละลายหายสูญไป ท่านให้อาราธนาพระสรงน้ำมันหอม แล้วเอาด้าย 11 เส้นทำไส้เทียน เอากระดาษยันตร์ใส่ชื่อมันห่อใส่เทียนนั้น เสกด้วยนวหรคุณ ตามถวายพรพระ บูชาประดิษฐานไว้ แล้วพิษฐานเอาตามความปรารถนาเถิด จะประสิทธิ์แก่ผู้นั้น ฝ่ายมันสู้เรามิได้เลย ศักดิ์สิทธิ์แล ให้เอาคาถานี้ทำเส้นเทียนเถิด
อุปเท่ห์ดังกล่าวให้ขึ้นต้นด้วยนโม 3 คาบ และใช้ได้กับพระเนื้อดินแถบสุพรรณบุรีทุกประเภท ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ
http://horoscope.thaiza.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93/161269/
ประวัติการค้นพบพระผงสุพรรณ
พระผงสุพรรณ เป็นพระที่ค่อนข้างจะหาได้ยากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่เป็นพระที่จดจำได้ง่าย เนื่องจากมีเพียง 3 พิมพ์ แต่ละพิมพ์ก็ไม่มีแยกย่อยให้ปวดหัว คือ
- พิมพ์หน้าแก่
- พิมพ์หน้ากลาง
- พิมพ์หน้าหนุ่ม
ประวัติการค้นพบ พ.ศ. 2456 คนจีนซึ่งเป็นชาวไร่บริเวณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัด
สุพรรณ ได้ลอบขุดเจดีย์ จึงได้พระชุดนี้มาเป็นครั้งแรก ต่อมาในปลายปีเดียวกัน พระยาสุนทรบุรี(อี้ กรรณสูต) เจ้าเมืองสุพรรณบุรี ได้สั่งให้เปิดกรุเป็นทางการ ก็ได้พระเครื่อง พระพุทธรูป และวัตถุโบราณอื่น ๆ อีกมาก พระเครื่องส่วนหนึ่งได้นำขึ้นทูลเกล้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ เมื่อเสด็จประภาสดอนเจดีย์
ลักษณะโดยสังเขป
พระผงสุพรรณ เป็นพระเนื้อดินเผา ผสมน้ำว่าน มีด้วยกัน 3 สีคือ เขียว แดง ดำ มีลักษณะ 3 เหลี่ยม ตัดยอดปลายกลายเป็นรูป 5 เหลี่ยม มีขนาดเท่าปลายนิ้วโดยประมาณ ส่วนที่โดดเด่นในองค์พระคือพระอุระ จะนูนออกมา และมีลักษณะของพิมพ์ที่แตกต่างกันคือ
พิมพ์หน้าแก่ ใบหูขวาจะยาวกว่าใบหูซ้าย แขนซ้ายจะเล็กและลางเลือนกว่าแขนขวา
พิมพ์หน้ากลาง ใบหูซ้ายจะยาวกว่าใบหูขวา แขนซ้ายและแขนขวาจะเรียวเล็ก และติดชิดเสมอกัน
พิมพ์หน้าหนุ่ม องค์พระจะสอบเล็ก ลึกและคมชัด แขนทั้ง 2 ข้างอวบและล่ำสัน
ส่วนด้านหลังค่อนข้างจะมีเอกลักษ์เฉพาะ คือมีลายนิ้วมือเพียงรอยเดียวจากการกดพิมพ์ มีทั้งลายก้นหอยและมัดหวาย แต่ข้อควรจำของลายมือ คือลายมือลางเลือน ไม่ชัดเจน
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือที่ชาวสุพรรณเรียกสั้นๆ ว่า วัดพระธาตุ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณ สมัยอู่ทองและอยุธยา ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี มีองค์พระปรางค์สูงตระหง่าน ส่วนใครเป็นผู้สร้างวัดนั้น นักประวัติศาสตร์ไม่กล้ายืนยัน เพียงแต่สันนิษฐานว่า น่าจะสร้างใน สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ (เจ้าสามพระยา) หรือสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
แม้ว่าไม่ปรากฏหลักฐานผู้สร้างที่ชัดเจน แต่มีหลักฐาน ที่สำคัญต่อ การศึกษาของวงการพระเครื่อง พระบูชา คือ ลานทอง ๓ แผ่น ซึ่งเป็นการจารึกประวัติศาสตร์ของการสร้างวัด สร้างพระเครื่องและพระบูชา โดยเฉพาะแผ่นที่ ๒ ซึ่ง สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงแปลไว้ว่า
"ศุภมัสดุ ๑๒๖๕ สิทธิการิยะ แสดงบอกไว้ให้รู้ว่า ฤาษีทั้งสี่ตน พระฤาษีพิมพิลาไลย์เป็นประธาน เราจะทำด้วยฤทธิ์ ทำด้วยเครื่องประดิษฐ์ มีสุวรรณ เป็นต้น คือบรมกษัตริย์พระยาศรีธรรมโศกราชเป็นผู้ศรัทธา พระฤาษีทั้งสี่ตน จึงพร้อมกันนำเอาแด่ว่านทั้งหลาย พระฤาษีจึงอัญเชิญเทวดามาช่วยกัน ทำพิธีเป็นพระพิมพ์ไว้สถานหนึ่งแดง สถานหนึ่งดำ ให้เอาว่านทำเป็นผงก้อน พิมพ์ด้วยลายมือของมหาเถระปิยะทัสสะสี ศรีสาริบุตร คือ เป็นใหญ่ เป็นประธานในที่นั้น ได้เอาแร่ต่างๆ มีอานุภาพต่างกัน เสกด้วยมนต์คาถาครบ ๓ เดือน แล้วท่านให้เอาไป ประดิษฐ์ไว้ในสถูปแห่งหนึ่งที่เมืองพันทูม (สุพรรณบุรี)
ถ้าผู้ใดพบเห็นให้รีบเอาไปไว้สักการบูชา เป็นของวิเศษ แม้จะมีอันตรายประการใดก็ดี ให้อาราธนาผูกไว้ที่คอ อาจคุ้มครอง ภยันตรายได้ทั้งปวง ถ้าผู้ใดจะออกรณรงค์สงคราม ประสิทธิ์ด้วยศัสตรา อาวุธทั้งปวง เอาพระลงสรงน้ำมันหอม แล้วนั่งบริกรรมพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ๑๐๘ จบ พาหุง ๑๓ จบ ใส่ขันสัมฤทธิ์นั่งอธิษฐาน เอาความปรารถนาเถิด ให้ทาทั้งหน้าและผม คอ หน้าอก
ถ้าจะใช้ในทางเมตตา ให้มีสง่าเจรจาให้คน ทั้งหลายเชื่อฟัง ยำเกรงให้เอาพระไว้ในน้ำมันหอมเสก ด้วยคาถานวหรคุณ ๑๓ จบ พาหุง ๑๓ จบ พระพุทธคุณ ๑๓ จบ ให้เอาดอกไม้ธูปเทียนทำพิธีในวันเสาร์ น้ำมันหอมเก็บไว้ใช้ได้เสมอ ทาริมฝีปากหน้าผากและผม ถ้าผู้ใดพบพระตามที่กล่าวมานี้ พระว่านก็ดี พระเกษรก็ดี ทำด้วยแร่ สังฆวานรก็ดี อย่าประมาทเลย
อานุภาพพระทั้ง ๓ อย่างนี้ ดุจกำแพงแก้วกันอันตรายทั้งปวง แล้วให้ว่าคาถา ทเยสันตาจนจบ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จนจบ พาหุงไปจนจบ แล้วให้ว่าดังนี้อีก กะเตสิกเก กะระณังมหาไชยังมังคะ สังนะมะพะทะ แล้วให้ว่า กิริมิติ กุรุมุธุ เกเรเมเถ กะระมะทะ ประสิทธิแล"
พระผงสุพรรณ ที่พบมีด้วยกัน ๓ พิมพ์ และมีเนื้อสี่สี มี พิมพ์หน้าแก่ พิมพ์หน้าหนุ่ม และ พิมพ์หน้ากลาง
คนสุพรรณสมัยก่อนเรียก พระผงเกษรสุพรรณ เดิมทีนั้น จะเรียกพิมพ์ทั้ง ๓ ว่า หน้าแก่ หน้าหนุ่ม และหน้าหนู (หรือหน้านาง)
นอกจากนี้แล้วนักเลงพระรุ่นเก่ายังเรียก พระผงสุพรรณว่า "หน้าแพะ อกหัวช้าง" โดยได้พิจารณาเปรียบเทียบพุทธลักษณะขององค์พระ คือ ดวงพระเนตร พระนาสิก และพระโอษฐ์ ตลอดจนพระกรรณ มีความใกล้เคียงกับแพะอย่างยิ่ง ส่วนพระอุระ (หน้าอก) คล้ายกับหัวช้าง
พระผงสุพรรณมีส่วนผสมของมวลสารวิเศษ ๓ ชนิด คือ ว่าน มีอิทธิฤทธิ์ประโยชน์ในทางด้านคงกระพัน เกสรดอกไม้ เป็นของหอม ย่อมก่อให้เกิดเสน่หานิยม ดินเหนียว เป็นสิ่งที่ไม่สลายไปจากโลก แต่ในทางตรงกันข้ามทุกสิ่งที่สลายจะกลายเป็นดินหมด
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้พระผงสุพรรณทั้งสามพิมพ์ มีสีแตกต่างกัน คือ ส่วนผสมของผงเกสร และว่าน ไม่เท่ากัน ถ้าผสมมากเนื้อพระจะออกนุ่ม แต่ถ้ามีส่วนผสม ของดินเหนียวมาก เนื้อพระจะแสดงออกถึง ความแกร่ง ซึ่งตามจารึกของลานทองมีเพียง ๒ สี คือ "สถานหนึ่งดำ สถานหนึ่งแดง" แต่ปัจจุบันนี้มีถึง ๔ สี คือ ดำ แดง เขียว และขาว
สีขาวและสีเขียวเป็นสีนิยมมากที่สุด รองลงมาคือสีแดง ส่วนสีดำเป็นอันดับสุดท้าย ส่วนเหตุผลที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสุดท้ายน่าจะมากจาก สีดำทำปลอมได้ง่ายกว่าสีอื่น จึงทำให้เซียนพระไม่กล้าเก็บไว้
สำหรับหลักการพิจารณาพระผงสุพรรณนั้น นอกจากมวลสารแล้ว พุทธลักษณะสำคัญที่ใช้พิจารณาประกอบด้วย รอยเหี่ยวย่น รอยตอกตัด ผนังของลายมือ คราบกรุ เม็ดทราย ว่านดอกมะขาม และสี
หนังสืออ้างอิง เบญจภาคี สำนักพิมพ์คเณศ์พร
http://www.sanyasi.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=528202
พระผงสุพรรณ
พระผงสุพรรณ สร้างโดยฤาษี 4 ตน นำเอาว่านและแร่ต่าง ๆ มาทำเป็นก้อนกดพิมพ์ มี 3 พิมพ์ คือ พิมพ์หน้าแก่ พิมพ์หน้ากลาง และพิมพ์หน้าหนุ่ม ถูกค้นพบในกรุวัดพระศรีมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อ พ.ศ. 2456 ได้มีชาวจีนไปหักล้างถางพงที่ทำสวนผักบริเวณวัด และขุดพระปรางค์ประธาน พบแก้วแหวนเงินทองเป็นจำนวนมาก ทราบไปถึงนายเติม อร่ามเรือง นัดขุดพระ ได้ขุดพระปรางค์ พบพระผงสุพรรณ พระกำแพงศอก พระมเหศวร พระสุพรรณยอดโถพระสุพรรณหลังผาน และพระเนื้อชินต่าง ๆ รวมทั้งแผ่นจารึกลานทองหลายแผ่น ต่อมาได้เปิดกรุอย่างเป็นทางการโดยพระยาสุนทรบุรี เจ้าเมืองสุพรรณบุรี ได้กราบทูลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นประธาน เปิดกรุพระปรางค์ พระศรีมหาธาตุ ในปี พ.ศ. 2456 ได้พบพระพิมพ์ต่าง ๆ จำนวนมาก
http://www.apiwatamulet.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)