เสถียร ท้วมจันทร์
พระผงสุพรรณ เป็นหนึ่ง ในพระเครื่องชุดเบญจภาคี ประกอบด้วย 1.พระสมเด็จนางพญา วัดระฆังฯ 2.พระผงสุพรรณ 3.พระสมเด็จนางพญา พิษณุโลก 4.พระทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร และ 5.พระรอด ลำพูน
พระผงสุพรรณ มีจุดกำเนิดอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี วัดเก่าแก่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณภูมิ มีอายุมากกว่า 600 ปี ตั้งอยู่ถนนสมภารคง ต.รั้วใหญ่ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี
ชาวบ้านเรียกว่าวัดพระธาตุพิหารแดง
นอกจากเป็นวัดเก่าแก่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรีอีกด้วย
ภายในวัดมีวิหารขนาดใหญ่ ซึ่งประดิษฐานพระ ผงสุพรรณจำลององค์ใหญ่ ไว้ให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้บูชา และยังมีรูปปั้น หลวงพ่อโพธิ์ ญาณรังสี พระเกจิชื่อดังเมืองสุพรรณ
สำหรับตำนานความเป็นมาของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตามบันทึกของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ที่แปลเอกสารจากใบลานเงินใบลานทอง ซึ่งขุดพบจากพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
ระบุว่า พระบรมมหาจักรพรรดิเจ้า กษัตริย์ครองกรุง อโยธยา โปรดเกล้าฯ ให้ทรงสร้างพระสถูปองค์นี้ขึ้น และทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ภายใน หลังจากนั้นพระสถูปของพระองค์ชำรุด พระโอรสได้โปรดให้ปฏิสังขรณ์พระสถูปนี้
แต่มีบางตำนานระบุว่า ผู้ที่สร้างวัดพระ ศรีรัตนมหาธาตุ และพระสถูปที่บรรจุพระผงสุพรรณ คือ พระเจ้าสามพระยา บ้างก็ว่าเป็นสมเด็จพระบรมปฐมกษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยา คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทอง โดยสร้างขึ้นขณะที่พระองค์ได้ย้ายกรุงราชธานีมาที่กรุงศรีอยุธยา
จากจารึกใบลานเงิน-ใบลานทอง ได้จารึกไว้ว่า ผู้ที่สร้างพระผงสุพรรณคือ พระฤๅษีผู้ทรงฤทธิ์ โดยมีฤๅษีผู้เป็นใหญ่เป็นประธานคือ พระมหาเถรปิยทัสสี ศรีสารีบุตร และได้กดลายนิ้วมือของท่านไว้ในองค์พระที่มีลายนิ้วมือทั้งหมด รวมทั้งพระผงสุพรรณ
ในปีพ.ศ.2456 ชาวจีนที่อาศัยอยู่ข้าง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลักลอบขุดองค์ พระปรางค์ได้ขนเครื่องทองโบราณนำออกมาขาย และขุดพบพระเครื่อง รวมถึงใบลานเงินใบลานทอง
ภายหลัง เจ้าพระยาสุนทรบุรี (อี้ กรรณสูต) เจ้าเมืองสุพรรณบุรี เห็นว่าถ้าหากปล่อยไว้สมบัติของชาติจะสูญหายไป จึงสั่งให้เปิดกรุ พบเครื่องทอง พระพุทธรูปบูชา พระพิมพ์ (พระเครื่อง) มีทั้งเนื้อชิน ทั้งเนื้อดิน ซึ่งพระที่มีชื่อเสียงที่ขุดค้นพบในพระปรางค์ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ คือ พระผงสุพรรณ พระมเหศวร พระสุพรรณ
เจ้าพระยาสุนทรบุรีนำพระพิมพ์ต่างๆ ทั้งเนื้อดิน เนื้อโลหะ มารวมไว้ที่จวน
จนกระทั่งในปีนั้น พระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสดอนเจดีย์ เจ้าพระยาสุนทรบุรีก็ไปเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ และทูลเกล้าฯ ถวายพระผงที่ได้มาในครั้งนั้นส่วนหนึ่ง ท่านได้พระราชทานให้กับเหล่า ข้าราชบริพารที่ตามไปในครั้งนั้น ซึ่งมีทั้งกอง ลูกเสือป่า ทหาร ตำรวจที่ตามเสด็จ
ต่อมาเริ่มมีการสะสมพระผงสุพรรณ เพราะถือเป็นพระน้ำเอกของจังหวัดสุพรรณ บุรี ทำให้มีการเช่าหามีราคาเพิ่มขึ้น จนกระทั่ง ทุกวันนี้องค์ละหลายล้านบาท
ชมเมือง-พักผ่อน-อิ่มอร่อย
สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองสุพรรณ บุรี เริ่มที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุพรรณบุรี ตั้งอยู่ริมถนนสายสุพรรณฯ-ชัยนาท บริเวณศูนย์ราชการใหม่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองสุพรรณ ตั้งแต่สมัยยุคหินเดินทางผ่านกาลเวลาจนถึงปัจจุบัน มีทั้งรูปภาพ งานปั้น จนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ตื่นตาและความเพลิดเพลิน สอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์โทร. 0-3553-5330, 0-3553-6100-1
นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์) ซึ่ง ตั้งอยู่ในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนต้องแวะเวียนไปเที่ยวชม เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ โทร. 0-3522-6211
สำหรับที่พักในตัวเมืองสุพรรณบุรี มีโรงแรม วาสิฏฐี ซิตี้โฮเทล เบอร์โทร. 0-3552-6111, 0-3552-6123
โรงแรมคุ้มสุพรรณ เบอร์โทร. 0-3552-2273-6
โรงแรมสองพันบุรี เบอร์โทร. 0-3552-2555-7, 0-3554-6667-71 โทรสาร 0-3552-2097
รีสอร์ทจุรีปันสุข เบอร์โทร. 0-3552-6115
ส่วนร้านอาหารขึ้นชื่อของ เมืองสุพรรณ มี ร้านกุ่ยหมง ตั้งอยู่ข้างที่ว่าการอำเภอบางปลาม้า โทร. 0-3558-7256, 08-9515-1302
ร้านแม่บ๊วย อยู่ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอบางปลาม้า โทร.0-3558-6424, 0-3558-7077
ร้านน้องแตน ซึ่งอยู่เส้นทางเดียวกับวัด พระศรีรัตนมหาธาตุ เบอร์โทร. 0-3552-2680
ส่องพระผงสุพรรณ
ลักษณะ 3 พิมพ์
นายพิศาล เตชะวิภาค หรือ เซียนต้อย เมืองนนท์ ให้รายละเอียดไว้ในการอบรมวิธีการส่องพระผงสุพรรณ จัดโดยมติชน อคาเดมี ถึง พระผงสุพรรณ 1 ในพระเครื่องชุดเบญจภาคี ว่า เป็นพระเนื้อดิน สร้างจากเกสรร้อยแปด ผสมกับดินที่กรองละเอียด นำมาคลุกเคล้า แล้วนำมากดพิมพ์ นำไปเผาก็ทำให้เกิดสีทั้งหมด 4 สี คือ สีแดง สีเหลือง หรือสีพิกุล สีเขียว และสีดำ
มี 3 พิมพ์ คือ พิมพ์หน้าแก่ พิมพ์หน้ากลาง และพิมพ์หน้าหนุ่ม
พิมพ์หน้าหนุ่ม
1.ปลายยอดเหนือเกศจะพับเข้า
2.ลูกตาขวากลม ลูกตาซ้ายยาว
3.คิ้วขวาโค้งงอน คิ้วซ้ายเฉียงชี้
4.ริมฝีปากหนา
5.หูซ้ายขวาเท่ากัน
6.อกล่ำนูนแต่เล็กกว่าพิมพ์หน้าแก่และ พิมพ์หน้ากลาง
7.ไหล่แคบ แขนอวบล่ำ ซอกแขนลึก
8.มือด้านซ้ายที่วางไว้ที่หน้าตักใหญ่กว่าของพิมพ์หน้าแก่และพิมพ์หน้ากลาง
9.ใต้เท้าซ้ายติดเป็นปื้นนูนขึ้นมา
พิมพ์หน้าแก่
1.จะตัดขอบเป็นรูปห้าเหลี่ยมก็มี สามเหลี่ยม ก็มี ด้านข้างจะมีรอยตอกตัด
2.ลูกตาด้านขวาเล็กกว่าด้านซ้าย คิ้วขวาโค้งงอน
3.ในซอกข้างหูด้านซ้ายจะมีผดขึ้น
4.หูด้านขวายาวกว่าหูด้านซ้าย
5.หน้าอกนูนใหญ่
6.ข้อพับศอกทั้งซ้ายและขวา
7.ข้อมือซ้ายเหมือนขาด ไม่ติดต่อกัน
8.ปลายนิ้วเท้าขวากระดก
9.ใต้ขาด้านซ้ายองค์พระ จะมีตุ่มเม็ดหนึ่ง
10.ยอดเกศจะเป็นรอยหยักควั่นสองขยัก
พิมพ์หน้ากลาง
1.ตาและคิ้ววางวาดเสมอกัน คิ้วโก่งทั้งสองข้าง ตาจะไม่เท่ากัน จมูกบานใหญ่
2.หูซ้ายยาวกว่าหูขวา ในหูด้านซ้ายและขวาจะมีผดอยู่เล็กน้อย
3.หัวไหล่ด้านขวาจะมีติ่งหรือขีดอยู่ข้างไหล่
4.ข้อพับแขนด้านซ้ายต่ำลงมากว่าข้อพับแขนด้านขวา
5.ปลายนิ้วมือยาวเกือบจรดท้องแขน
6.เห็นนิ้วมือโป้งด้านขวาชัด
7.ปลายนิ้วโป้งเท้าด้านขวาจะนูนชัด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056UTBOakkxTUE9PQ==
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น